
ครอบครัว "น้องเมย" หวังคนผิดถูกดำเนินคดี!!
ครอบครัว ยัน ไม่ได้ทำลายกองทัพ-เกียรติโรงเรียนเตรียมทหาร เอ่ย "ขอบคุณ" นายกฯ-กองทัพให้ความเป็นธรรม หวังคนผิดรับผิดชอบ ส่วนพี่สาวร่วมลุ้นตรวจพิสูจน์สัปดห์หน้า
26 พ.ย.60 - ที่ศิลาคอฟฟี่ แอนด์บริสโตร หมู่ 5 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี นายพิเชษฐ และนางสุกัลยา พร้อมด้วย น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ พ่อ-แม่และพี่สาวของ "นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย" นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่เสียชีวิตอย่างปริศนาและอวัยวะภายในได้หายไป ได้ออกมาแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง โดยนางสุกัลยา มารดา ได้นำภาพการฝึกซ้อมของ "น้องเมย" มาแสดงให้เห็นถึงสภาพของหัวเข่าที่ได้รับบาดเจ็บก่อนที่จะเข้าสอบรอบ 2 โรงเรียนเตรียมทหาร เพื่อให้เห็นถึงความตั้งใจที่ต้องการเป็นทหารจริง
"น้องเมยจะเข้าสอบรอบ 2 ได้ไปฝึกว่ายน้ำปรากฏว่าถูกกระเบื้องบาดหัวเข่าเย็บ 11 เข็ม แผลติดเชื้อ แพทย์จะให้สเตียรอยด์ก็ไม่ได้เพราะจะไปกระทบต่อการตรวจร่างกายหากสอบผ่าน ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อล้างแผลเพียงอย่าง สอบถามน้องเมยสู้ไหวไหม แต่ได้รับการยืนยันว่าสู้ไหว ขาเดินไม่ได้ ยังมีแขน จึงได้ออกกำลังด้วยแขนแทน แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการที่จะสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเพื่อเป็นทหารให้ได้ ซึ่งพ่อ-แม่ ไม่ได้บังคับให้ไปเรียนเตรียมทหาร" นางสุกัลยา มารดาของน้องเมย ระบุ
ขณะที่นางสุกัลยา ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีแพทย์ที่ไม่รู้จัก ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกี่ยวกับภาวะการมีเลือดคั่งที่ม้ามและตับ ยืนยันว่าการทำซีพีอาร์ (CPR) ช่วยผู้ที่กำลังจะตาย ไม่น่าจะกระทบกระเทือนถึงม้ามและตับ แม้จะทำนานถึง 4 ชั่วโมงก็ตาม น่าจะถูกของแข็งกระแทกมากกว่า ที่สำคัญการที่ "น้องเมย" ถูกกระทำจนกระทั่งต้องทำซีพีอาร์ ทำไมไม่ยอมดูแลกัน เพราะคนที่เพิ่งหายป่วยจะต้องได้รับการดูแลพอสมควร คนทั้งกองพันใจร้ายเหลือเกิน ขณะนี้หลายคนทราบข่าวการต่อสู้ของครอบครัวเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม ต่างมาให้กำลังใจอย่างมากมาย เหมือนกัน "น้องเมย" เป็นลูกเป็นหลานก็ขอขอบคุณด้วย
ด้าน นายพิเชษฐ์ บิดาของน้องเมย ได้กล่าวว่า ขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม , พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผบ.สส. ที่ให้ความเป็นธรรมกับน้องเมย ส่วนกรณีที่มีนายทหารออกมากล่าวถึงการตรวจพิสูจน์อวัยวะจะมีค่าใช้จ่ายสูงนั้น ซึ่งได้มีการแพร่กระจายข่าวไปสู่โลกโซเชียลแล้วนั้น ได้มีกลุ่มมอเตอร์สปอร์ตเกี่ยวกับการจัดการแข่งรถได้แสดงความจำนงมาแล้วว่าจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมทั้งยังมีอีกหลายคนได้แสดงความจำนงจะช่วยออกค่าใช้จ่ายอีกด้วย ก็ขอขอบคุณด้วย ที่หลายคนอยากให้มีการตรวจสอบที่ถูกต้องและเป็นธรรม
"แต่การที่ครอบครัวออกมาร้องเรียนนั้นอยากให้มีการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษมากกว่า รวมทั้งไม่ให้ครอบครัวถูกคำครหาว่า น้องเมยมีโรคประจำตัว ถูกขู่บังคับให้มาเรียน หรือพยายามฆ่าตัวตาย ผมไม่ได้ทะเลาะกับกองทัพ หรือโรงเรียนเตรียมทหาร แต่อยากให้มาตรวจสอบในเรื่องคุณภาพของบุคคลากรของกองทัพมากกว่า ผมอยู่เมืองไทยต้องเคารพกองทัพ"
โดยในส่วนของ น.ส.สุพิชา พี่สาวน้องเมย ก็กล่าวว่า สำหรับเอกสารที่ได้รับล่าสุดของสถาบันพยาธิวิทยา รพ.พระมงกุฎเกล้า ซึ่งได้ตรวจร่างกายของน้องเมยที่เสียชีวิตนั้น มีข้อมูลที่ตรงกันคือ ซี่โครงที่ 4 ด้านขวาของร่างกายหักตรงกับที่นำไปตรวจสอบกับโรงพยาบาลที่ 2 แต่การตรวจชิ้นเนื้อด้วยกล้องจุลทรรศน์ยังพบว่าที่ตับมีเลือดคั่งในชิ้นเนื้อ ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับการทำซีพีอาร์ตอนช่วยเหลือชีวิต นอกจากนี้ยังพบว่าหัวใจโตผิดปกติอีก ทั้งที่วันที่ 13 เม.ย. ได้ไปตรวจร่างกายเนื่องจากน้องเมยตกบันไดพบว่าหัวใจและปอดปกติ แต่ช่วงเสียชีวิตปรากฏว่าหัวใจโตจึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในจุดนี้ด้ว
“ขอยืนยันว่า การที่ออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ ไม่ต้องการให้กองทัพ หรือโรงเรียนเตรียมทหารเสียหาย แต่อยากให้ดำเนินการกับผู้กระทำผิด เพราะน้องเมยเขียวช้ำไปทั้งตัว ควรที่จะต้องมีคนรับผิดชอบ ส่วนอวัยวะภายในนั้นเพิ่งเห็นแต่กล่องบรรจุเท่านั้นยังไม่ได้เห็นอวัยวะจริง โดยตรวจสอบอวัยวะนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง โดยจะมีตนเองและพี่สาวซึ่งเป็นพยาบาลจะเข้าไปตรวจพิสูจน์ด้วย คาดว่าน่าจะเป็นสัปดาห์หน้า ที่สำคัญในความเป็นจริงสำหรับการตรวจสอบอวัยวะของน้องเมยนั้น สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด” พี่สาวของน้องเมย กล่าวและว่า ส่วนความคืบหน้าของคดี ได้ไปติดต่อกับร้อยเวรเจ้าของคดีแล้ว เบื้องต้นทราบว่าได้สอบพยานไปแล้วประมาณ 4 ปาก คาดว่าจะต้องมีการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมหลายคน ส่วนข้อหาเบื้องต้นยังไม่ทราบ