ข่าว

“พระราชรัชมุนี” โผล่มอบตัวเงียบ - ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

“พระราชรัชมุนี” โผล่มอบตัวเงียบ - ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

31 ต.ค. 2560

เจ้าอาวาสวัดสวนดอกสวมบัตรคนตายโผล่มอบตัวเงียบ สภ.แม่อาย ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ผู้การเชียงใหม่ยันเร่งดำเนินการ เชื่อทราบผลสรุปข้อเท็จจริงใน 30 วัน

 

               31 ต.ค. 60  จากกรณีมีผู้มาร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่ว่า พระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก สวมบัตรประชาชนคนตาย โดยมีการใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชนตรงกับเด็กชายชาวจังหวัดชัยภูมิ ทั้งที่ ด.ช.คนดังกล่าวได้เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี 2538 เชื่อว่ามีการปลอมแปลงชื่อและที่อยู่จากเดิมที่มีสัญชาติเป็นชาวเมียนมา ล่าสุด มีรายงานว่า พระราชรัชมุนี พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าที่ผ่านมาไม่ได้มีการหลบหนีตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด แต่จากการสอบสวนเบื้องต้น พระราชรัชมุนี ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ปล่อยตัวไป เนื่องจากยังไม่มีความผิดตามกฎหมาย แต่ได้ทำการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อ เพื่อตรวจหารหัสพันธุกรรมสำหรับประกอบการตรวจสอบตัวตนไว้แล้ว

               พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากที่ผ่านมาได้มีการออกหมายเรียกและ พระราชรัชมุนี ก็ได้แสดงตัวแล้ว โดยยังไม่ถึงขั้นขออนุมัติศาลออกหมายจับ ดังนั้น พระราชรัชมุนี จึงยังไม่ใช่ผู้ต้องหา ยังคงปฏิบัติกิจของสงฆ์ได้ตามปกติ และไม่มีการคุมตัวไว้แต่อย่างใด โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐานหาข้อเท็จจริงให้แน่นหนาชัดเจนที่สุด เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับพระชั้นผู้ใหญ่ที่มีประชาชนให้ความเคารพศรัทธาในวงกว้าง และสังคมให้ความสนใจติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะต้องยึดเอาความถูกต้องและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยอยู่ในบรรทัดฐานของกฎหมาย หากผิดจริงก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย

               โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปที่จังหวัดชัยภูมิ เพื่อประสานนัดหมายสอบปากคำ ปลัดอำเภอภูเขียว จ.ชัยภูมิ ที่เกี่ยวข้องกับการออกทะเบียนราษฎร์ประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งสอบปากคำ ครอบครัวของ ด.ช.ซึ่งได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งตั้งแต่เมื่อปี 2538 ที่ถูกอ้างว่าโดน พระราชรัชมุนี สวมบัตรดังกล่าว รวมไปถึงขั้นตอนของการเก็บหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้สมบูรณ์ที่สุด ท้ายที่สุดอาจจะต้องมีการยืนยันตัวตนด้วยการตรวจสอบดีเอ็นเอ หากรวบรวมและมีหลักฐานชัดเจนว่า พระราชรัชมุนี มีความผิดจริง ก็จะต้องมีการออกหมายจับ และต้องให้ลาสิกขา ออกจากความเป็นสงฆ์ตามหลักศาสนาพุทธก่อนดำเนินการตามกฎหมาย

               อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า มีการสวมบัตรจริง แต่จะเกิดจากข้อผิดพลาดทางทะเบียนราษฎร์โดย พระราชมุนี ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ หรือเป็นการทำเป็นขบวนการ หรือมีผู้เกี่ยวข้องสมรู้ร่วมคิดอย่างไรนั้น ยังไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้ ต้องขอรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน โดยกำลังเร่งสำนวนขั้นตอนให้เร็วที่สุดแล้ว เชื่อว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายและทราบข้อเท็จจริงภายใน 1 เดือน

               ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทางด้านบรรยากาศภายในวัดบุพผาราม หรือวัดสวนดอก พระอารามหลวง บรรยากาศค่อนข้างเงียบ กุฏิเจ้าอาวาสยังคงปิดไร้ความเคลื่อนไหว จากการสอบถามพระลูกวัดทราบว่า พระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสมีกิจนิมนต์ภายนอก ไม่ได้อยู่ภายในกุฏิดังกล่าวแต่อย่างใด