
ร่างพ.ร.ป.ตรวจเงิน ฉบับเข้าสนช. มีหมายเหตุเฟ้นหา"ผู้ว่าฯสตง.
สนช.จ่อถกร่าง พ.ร.ป.ตรวจเงิน สัปดาห์หน้า คาดมี3ปมถกหนัก ด้านบทเฉพาะกาลเขียนแบบมีหมายเหตุ กรณีสรรหา "ผู้ว่าฯสตง." เปิดช่อง สนช.แก้ไขให้ตรงสถานการณ์
วันที่ 15 ตุลาคม 2560 -- ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 19 ต.ค. นี้ มีวาระพิจารณาร่างกฎหมายที่สำคัญ คือ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน วาระสองและวาระสาม หลังจากที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป. ที่มี พล.ร.อ.ยุทธนา ฟักผลงาน เป็นประธาน กมธ. ฯ พิจารณาแล้วเสร็จ โดยสาระสำคัญที่ กมธ. ได้แก้ไข และเปลี่ยนแปลงรายละเอียดหลายมาตรา โดยมีประเด็นที่เป็นรายละเอียดสำคัญ ซึ่ง กมธ.วิสามัญฯ สัดส่วนของตัวแทนคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) คือ นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง และ นายธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย กรธ. ของสงวนความเห็นไว้ ใน 3 มาตราที่สำคัญ และคาดว่าหากไม่บทสรุปไม่ลงตัวอาจนำไปสู่การตั้ง กมธ.ร่วมกัน 3 ฝ่าย ได้แก่ มาตรา7 ว่าด้วยการให้อำนาจผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบเจ้าหน้าที่ในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หากมีข้อร้องเรียนต่อการกระทำทุจริตต่อหน้าที่หรือทำความผิดในตำแหน่งราชการ ซึ่ง กมธ.ฯ เสียงข้างมากของสนช. ตัดออกทั้งหมด จึงทำให้กลไกตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ที่กรธ. บัญญัติให้เป็นมาตรการถ่วงดุลโดยหน่วยงานภายนอกนั้นไม่เกิดขึ้น
ต่อมาคือ มาตรา 32 ว่าด้วยหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ต่อการออกระเบียบ ประกาศหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการกำกับการตรวจเงินแผ่นดิน, การประเมินผลการทำงาน และ การจัดเก็บค่าสอบบัญชี กมธ.ฯ เสียงข้างมาก ตัดส่วนท้ายว่าด้วยเงื่อนไขที่ห้าม คตง. ใช้อำนาจดังกล่าวกระทบต่อการทำงานของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินจนขาดความอิสระ หรือแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ว่าการฯ และ มาตรา 43 ว่าด้วยเงื่อนไขของการสรรหาบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการฯ โดยกมธ.ฯเสียงข้างมาก ตัดวิธีคัดเลือกจากการสัมภาษณ์หรือแสดงความคิดเห็นเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของผู้ว่าการฯ ออก คงเหลือไว้เพียงคุณสมบัติหลัก อาทิ มีความรับผิดชอบสูง มีความซื่อสัตย์ กล้าหาญในการปฏิบัติหน้าที่ และมีความเชี่ยวชาญงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจเงินแผ่นดิน
ขณะที่เนื้อหาในบทเฉพาะกาล ว่าด้วยวาระการดำรงตำแหน่งของ คตง. และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินนั้น ไม่มีการแก้ไขจากร่างเดิม ที่กำหนดให้ คตง. ชุดที่อยู่ก่อนหน้ากฎหมายใหม่ ให้อยู่ต่อไปจนครบวาระ
ส่วนตำแหน่ง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินนั้น มีการแก้ไข โดยกำหนดให้ ผู้ว่าการฯ ที่ดำรงตำแหน่งก่อนวันที่กฎหมายบังคับใช้ให้เป็นผู้ว่าการฯ ต่อไป วาระ 6 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง แต่หากเกิดกรณีที่ต้องสรรหาผู้ว่าการฯ คนใหม่ก่อนที่กฎหมายใช้บังคับ ระบุว่าต้องยุติการสรรหา และดำเนินการสรรหาใหม่ตามเงื่อนไขที่กฎหมายใหม่กำหนด ภายใน 60 วันนับแต่ที่มีกฎหมายใหม่ อย่างไรก็ดีในบทบัญญัติดังกล่าวมีหมายเหตุระบุไว้ ให้ สนช. พิจารณาแก้ไขเนื้อหาให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงได้ เพราะการร่างของกมธ.ฯ อยู่บนสมมติฐาน ที่ สนช. ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ แต่การสรรหาผู้ว่าการฯ ไม่แล้วเสร็จและยังมีผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าสำหรับเนื้อหาบทเฉพาะกาลที่ระบุหมายเหตุไว้นั้น เป็นเพราะขณะนี้มีประเด็นปัญหาของการดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุให้นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการฯ อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อ แม้จะขาดคุณสมบัติ ประเด็นอายุครบ 65 ปี เมื่อช่วงเดือนตุลาคม และได้ดำรงตำแหน่งครบวาระแล้ว และขณะนี้มี คตง. ชุดใหม่ ซึ่งมีพล.อ.ชนะทัพ อินทามระ เป็นประธาน เข้าปฏิบัติหน้าที่เมื่อ 22 ก.ย. ดังนั้นกระบวนการที่จะเกิดขึ้น คือ คตง.ชุดใหม่ต้องสรรหา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน แต่เนื่องด้วยต้องรอการบังคับใช้พ.ร.ป.การตรวจเงินแผ่นดินฉบับใหม่ การสรรหาดังกล่าวจึงต้องชะลอไว้ก่อน จึงเป็นที่มาที่ร่างบทเฉพาะกาลต้องระบุหมายเหตุไว้ เพื่อให้การปรับแก้กฎหมายสอดคล้องกับสถานการณ์และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น.