
รวบนักเรียนนอกทายาท"ลิกไนท์ทัวร์"เสพยาไอซ์
นักเรียนนอก ทายาท "ลิกไนท์ทัวร์" ถูกรวบขณะเมายาไอซ์อยู่ข้างถนน ญาติยังไม่มาประกันตัว ตำรวจเมืองนครปฐมเผยเคยต้องคดีหลายครั้ง แต่ไม่ยอมเลิกเสพ ส่วนคดี "พ.ต.ต." จากนครบาล ไปโดนจับที่ดอนตาล ขณะซื้อยาบ้า ผบช.น.เผยตรวจสอบแล้วไม่ได้ไปล่อซื้อตามที่อ้าง สั่งออกจาก
เรื่องราวนักเรียนนอกทายาทธุรกิจดังตกเป็นทาสยาเสพติดจนถอนตัวไม่ขึ้น เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 24กันยายน ร.ต.อ.พิษณุ เชิดโฉม รองสวป.สภ.เมืองนครปฐม ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีชายลักษณะคล้ายคนเมายาเสพติด เดินเตร่อยู่บริเวณหน้ามูลนิธิปฐมธรรม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบชายตามที่ได้รับแจ้งเดินพูดคนเดียว เมื่อนำไปตรวจสอบหาสารเสพติดพร้อมสอบปากคำก็พบว่าเสพยาไอซ์
จากการสอบสวนทราบชื่อคือนายพสิทธิ์ แตงจุ้ย อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84/2 หมู่ 5 ต.ศีรษะทอง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นน้องชายของนายศุภสิทธิ์ แตงจุ้ย นายกอบต.ศีรษะทอง และยังเป็นบุตรคนที่ 3 ของเจ้าของบริษัทลิกไนท์ทัวร์ ธุรกิจรถทัวร์ชื่อดังระดับเศรษฐีพันล้าน โดยนายพสิทธิ์เองมีประวัติเคยถูกจับกุมในคดีเสพยาบ้ามาแล้วหลายครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังถูกตำรวจจับกุมไปดำเนินคดี ยังไม่มีญาติมาประกันตัวแต่อย่างใด โดยนายพสิทธิ์ ให้การว่า แม้จะเป็นน้องชายของนายศุภสิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้คุยกัน ยอมรับว่าเสพยาไอซ์มาจากบ้าน 3 เกร็ด ก่อนออกมารับภรรยาบริเวณหน้ามูลนิธิปฐมธรรม จนมาถูกตำรวจจับกุมตัว
พ.ต.ท.บุญพา ปาระแม พนักงานสอบสวนสภ.เมืองนครปฐม เปิดเผยว่า ตนเคยเป็นเจ้าของคดีเสพยาเสพติดที่นายพสิทธิ์ เป็นผู้ต้องหา โดยครั้งนั้นตำรวจจับกุมตัวได้ขณะเปิดโรงแรมในจ.นครปฐม พาพวกมั่วสุมเสพยาบ้า นายพสิทธิ์ แม้ว่าครอบครัวจะมีฐานะดีมาก ร่ำรวยมหาศาล แต่ก็ไม่สามารถเลิกเสพยาได้
พ.ต.ท.สมเกียรติ จาคีไพบูลย์ พนักงานสอบสวน กล่าวว่า นายพสิทธิ์ มีพฤติกรรมเสพยาเสพติดมานานหลายปี มีความรู้ดี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากประเทศนิวซีแลนด์ และเป็นทายาทคนที่ 3 ของบริษัทลิกไนท์ทัวร์ และยังเป็นน้องชายของนายก อบต.ศีรษะทอง ซึ่งหลังถูกจับกุมภรรยาของนายพสิทธิ์ ก็ไม่ได้มาติดต่อขอประกันตัว ส่วนมารดาของนายพสิทธิ์ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท ก็อยู่ต่างประเทศ
"นายพสิทธิ์ เองก็มีประวัติถูกจับกุมในเรื่องเสพยามาแล้วหลายครั้ง เบื้องต้นผมได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า เสพสารเสพติดผิดกฎหมาย พร้อมกับนำตัวไปคุมขัง เพื่อรอส่งฟ้องศาล และนำตัวไปบำบัดรักษาต่อไป" พ.ต.ท.สมเกียรติกล่าว
สำหรับกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร จับกุม พ.ต.ต.พยุง มีไพฑูรย์ สว.สส.บก.น.9 พร้อมด้วย ด.ต.ธนดล ศรีนิสัย ผบ.หมู่ สส.บก.น.9 นายชัชวาลย์ แขวงชื่น อายุ 30 ปี นางรัชนี หรือนางสุรสรณ์ อายุ 52 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 9,423 เม็ด ยาไอซ์ 2 ถุง รวมทั้งอาวุธปืนเครื่องกระสุนจำนวนมาก ได้ที่บริเวณสามแยกปากทางเข้าบ้านห้วยกอก หมู่ 4 ต.ดอนตาล อ.ดอนตาล เมื่อกลางดึกวันที่ 15 กันยายน ต่อมาเมื่อเรื่องถูกเปิดเผย ทางผู้บังคับบัญชาของผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจทั้ง 2 นาย ออกมาปกป้องโดยระบุว่าทั้งคู่ไปปฏิบัติภารกิจล่อซื้อยาเสพติด
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 24 กันยายน พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบช.น.) กล่าวว่า พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 (ผบก.น.9) ได้รายงานข้อเท็จจริงมาให้ทราบ เมื่อวันที่ 23 กันยายน โดยระบุว่าต้นสังกัดได้ตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีคำสั่งการจากผู้บังคับบัญชาให้พ.ต.ต.พยุง และด.ต.ธนดล ออกไปสืบสวนติดตามจับกุมแก๊งยาบ้าตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด และได้ประมวลเหตุจากพฤติการณ์แล้ว เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่การออกไปสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติด จะนำกำลังไปเพียงแค่ 2 คน และยังมีพลเรือนร่วมด้วย 2 คน ซึ่งส่อถึงเจตนาการกระทำความผิดอย่างชัดเจน โดยเบื้องต้นได้สั่งการให้บก.น.9 ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง และให้ตำรวจทั้ง 2 นายออกจากราชการไว้ก่อน
ด้าน พ.ต.อ.จำรัส ไชยศักดิ์ ผกก.สภ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน โดยได้แจ้งข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครอง พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะมีการส่งมอบยาเสพติด
ผกก.สภ.ดอนตาลกล่าวว่า ก่อนจะเกิดเหตุการณ์นี้ มีสายข่าวแจ้งว่าจะมีการสั่งซื้อยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยนัดส่งมอบกันที่ริมถนนสายดอนตาล-ชานุมาน บริเวณสามแยกปากทางเข้าบ้านห้วยกอก หมู่ 4 ต.ดอนตาล อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงวางกำลังดักซุ่ม กระทั่งรถยนต์เป้าหมายมาจอดยังจุดส่งมอบ เจ้าหน้าที่แสดงตัวเข้าตรวจค้น พบยาบ้า และยาไอซ์ พร้อมอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก จึงจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คน โดยผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.9 มาล่อซื้อยาเสพติดในพื้นที่ แต่พฤติการณ์ไม่ใช่ลักษณะการล่อซื้อเพราะหากมีการล่อซื้อยาเสพติดจริงจะต้องจับกุมผู้ที่นำยามาส่งมอบให้ทันที อีกทั้งการเข้าพื้นที่จะต้องประสานงานมายังตำรวจในพื้นที่ และหากไม่ไว้วางใจก็ควรประสานไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร หรือ ป.ป.ส.ภาค 4
"หลังจับกุมมีตำรวจนครบาลโทรศัพท์เข้ามาเจรจา โดยอ้างว่า พ.ต.ต.พยุง และด.ต.ธนดล เดินทางมาปฏิบัติราชการจริง แต่พฤติกรรมจากสายข่าวที่รายงานเข้ามา และจากการเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนตาล พบว่าพฤติกรรมของทั้ง 2 คนไม่ได้เข้ามาล่อซื้อยาเสพติดในพื้นที่ แต่เป็นการมาซื้อยาเสพติดมากกว่า อีกทั้งบอกว่าล่อซื้อยาบ้าแล้วทำไมจากการตรวจค้นภายในรถพบยาไอซ์ น้ำหนัก 35 กรัมอยู่ด้วย" พ.ต.อ.จรัสกล่าว
พ.ต.อ.จำรัสกล่าวต่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าวตนร่วมจับกุมอยู่ด้วย ซึ่งได้ประสานงานไปยังพล.ต.ต.ปราโมทย์ เอี่ยมทัศน์ ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร ด้วย โดย พล.ต.ต.ปราโมทย์สั่งให้จับกุมได้ทันที หากไม่ปฏิบัติตามตนจะถูกดำเนินคดีด้วย นอกจากนี้ยังกำชับให้ดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน หากผู้ถูกจับกุมมีพยานหลักฐานใดที่จะมาอ้างก็ให้ไปสู้กันในชั้นศาล
ด้าน พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.น.9 กล่าวว่า ได้ตรวจสอบจากผู้บังคับบัญชาโดยตรงของพ.ต.ต.พยุงแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามที่มีข่าวออกมา แต่ขณะนี้เรื่องยังมาไม่ถึง คงต้องรอไปตามขั้นตอน
"ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน เมื่อมีการจับกุมก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมายและต่อสู้กันไป ความจริงเรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ พ.ต.ต.พยุง ว่ามีการขออนุญาตออกไปปฏิบัติหน้าที่จริงหรือไม่ มีพยานหลักฐานเอกสารหรือไม่ ต้องว่ากันไปตามหลักฐานที่มีอยู่" พล.ต.ต.กรีรินทร์กล่าว
พ.ต.อ.วรนิตย์ สวนคร้ามดี ผกก.สส.บก.น.9 กล่าวว่า ก่อนหน้านั้น พ.ต.ต.พยุงได้ทำรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรให้ทราบว่า จะมีการออกสืบสวนจับกุมยาเสพติดนอกพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน ซึ่งมีการลงบันทึกประจำวันเอาไว้แล้ว โดยทีมงานที่ไปด้วยกันมีทั้งรองสารวัตร และคนอื่นรวม 5 นาย เบื้องต้นคงต้องติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่พื้นที่เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่าหลังจากถูกจับกุม พ.ต.ต.พยุง พยายามติดต่อไปยังพล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการป.ป.ส.เพื่อขอให้ช่วยเหลือด้วยการออกหนังสือรับรองว่าออกไปปฏิบัติหน้าที่ในการล่อซื้อยาเสพติด แต่ได้รับการปฏิเสธ