
สภาสตรีฯ ต้องเดินด้วยพลัง "รัก" และ "สามัคคี"
เพื่อเป็นการชี้แนะแนวทางในการดำเนินงานของสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ให้ดำเนินไปได้อย่างมีเป้าหมายและเพื่อเป็นการสานต่อกิจการที่อดีตประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยก่อนๆ ได้ปฏิบัติเอาไว้ คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมร
โดยเชิญ จรรย์สมร วัธนเวคิน อดีตประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ 16 เรือนแก้ว กุยยกานนท์ แบรนด์ท อดีตประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ 17 และ พ.อ. (พิเศษ) หญิง คุณหญิงอัสนีย์ เสาวภาพ อดีตประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ 19 และ 20 มาร่วมอภิปรายในหัวข้อ "ประเพณีและธรรมเนียมปฏิบัติ ของสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์" ให้แก่คณะกรรมการอำนวยการสภาสตรีแห่งชาติฯ ชุดใหม่ ใช้เป็นแนวทางและข้อมูลในการดำเนินงานสมัยปัจจุบัน
เริ่มจาก จรรย์สมร กล่าวว่า สภาสตรีแห่งชาติฯ เป็นองค์กรอาสาสมัครที่ได้รับการสนับสนุนจากทางรัฐบาลบ้างในบางกรณี ดังนั้นการดำเนินงานต่างๆ ของสภาสตรีจึงมาจากการร่วมแรงร่วมใจกันของสมาชิกและองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ที่เข้ามามีส่วนร่วมและช่วยเหลือให้การดำเนินงานของสภาสตรีแห่งชาติฯ เป็นไปอย่างสมบูรณ์
"เนื่องจากสภาสตรีแห่งชาติฯ ก่อกำเนิดมาเป็นเวลานาน มีประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ มาแล้วหลายคน ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับอดีตประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ ทุกคน เพราะทุกคนมีความสามารถในทุกยุคทุกสมัย มีระเบียบปฏิบัติที่ได้กำหนดเอาไว้อย่างชัดเจน บางคนมองว่าสภาสตรีแห่งชาติฯ เป็นองค์กรไฮโซทำงานฉาบฉวย ดังนั้นเราจึงต้องสื่อสารให้มวลชนได้รับรู้ว่า สภาสตรีแห่งชาติฯ ของเรามีผลงานอะไรบ้าง เราทำประโยชน์อะไรเพื่อสังคม ดังนั้น แผนงานประชาสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นกระบอกเสียงให้แก่มวลชนได้รับรู้ ซึ่งแผนงานประชาสัมพันธ์นี้ต้องทำในเชิงรุกและมีระบบ สตรีเรามีความสามารถเยอะมาก เห็นได้จากข่าวตามสื่อต่างๆ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากถ้าพร้อมใจกันให้เวลาในการวางแผนงานด้านนี้ อย่าหยุดนิ่งอยู่กับที่ เพราะสตรีก็เป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้สังคมของเราก้าวเดินไปได้อย่างมีคุณภาพ" จรรย์สมร ชี้แนะ
ด้าน เรือนแก้ว เผยว่า การเข้ามาทำงานในสภาสตรีแห่งชาติฯ ทุกคนต้องร่วมกันสร้างจิตสำนึกใหม่ให้สตรีไทยได้ตระหนักถึงบทบาทของการพัฒนาสตรี เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม รวมถึงอุปสรรคต่างๆ ที่ขัดขวางการทำงาน หากศึกษาและเข้าใจในสิ่งเหล่านี้อย่างถ่องแท้แล้ว ต้องทำหน้าที่กระตุ้นให้สตรีเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม มีหน้าที่ชี้ชวนทำความเข้าใจกับรัฐบาลเกี่ยวกับกิจกรรมของสภาสตรีแห่งชาติฯ และต้องให้ได้รับการยอมรับที่จะให้เรามีส่วนช่วยในการพัฒนาประเทศนี่คือสิ่งสำคัญที่สภาสตรีแห่งชาติฯ ต้องทำอย่างจริงจัง
ส่วนอดีตประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ สองสมัยอย่าง พ.อ. (พิเศษ) หญิง คุณหญิงอัสนีย์ กล่าวถึงหลักการดำเนินงานสมัยที่ตัวเองทำว่า ต้องมองนโยบายของรุ่นพี่เป็นหลัก อะไรที่เป็นประโยชน์ต้องสานต่อ และต้องให้ความสำคัญกับทรัพยากรบุคคล ทุกคนมีจิตใจมีความรู้สึก การที่จะผูกใจใครนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ถ้ามีพลังสามัคคี ก็จะสามารถประสบความสำเร็จในการดำเนินงาน แม้จะไม่มีเงินมาสนับสนุนก็ตาม
"การจะเป็นผู้นำคนอื่นได้นั้น ต้องคำนึงเสมอว่าเราไม่ได้ทำงานคนเดียว อย่าทำตัวเด่นคนเดียวไม่อย่างนั้นงานก็ไปไม่รอด ทุกคนมีความสำคัญเท่ากันหมด ดังนั้น หากงานสำเร็จขึ้นมาต้องนึกถึงทรัพยากรคนที่ทำเป็นสำคัญ ส่วนตัวแล้วอยากจะเห็นสภาสตรีแห่งชาติฯ เป็นกระบอกเสียงที่จะบอกกล่าวสังคมให้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสุภาพสตรี จริงๆ แล้วก็เห็นใจประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ ทุกๆ รุ่นที่ทำงานกันอย่างอดทนแม้บางครั้งจะขาดในเรื่องของทุนทรัพย์ แต่ทุกคนก็พยายามทำกิจกรรมหาเงินเข้าสภาสตรีแห่งชาติฯ กันอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเราได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสักนิด การดำเนินงานของสภาสตรีแห่งชาติฯ ก็น่าจะดำเนินงานไปได้ดีกว่าที่ผ่านๆ มา" พ.อ. (พิเศษ) หญิง คุณหญิงอัสนีย์ กล่าว
พร้อมกับกล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่อยากจะให้สภาสตรีแห่งชาติฯ คนปัจจุบันได้ทำต่อคือในเรื่องของสิทธิสตรี แม้ทุกวันนี้จะมองว่าเท่าเทียมกันแต่ในความเป็นจริงแล้วยังไม่เป็นไปตามนั้น และที่น่าน้อยใจที่สุดก็คือ สตรีไทยส่วนหนึ่งเองด้วย ที่ไม่ให้ความสำคัญกับสิทธิสตรีเหล่านี้ ซึ่งการเรียกร้องสิทธิสตรีไม่ได้หมายความว่า ต้องการเข้าไปแข่งขันอะไรกับผู้ชาย แต่อยากจะให้พวกเขาให้โอกาสสตรีได้มีส่วนร่วมในการเสริมจุดอ่อนจุดแข็งของกันและกัน เพื่อประเทศชาติของเราจะได้เดินไปในทิศทางเดียวกัน