ข่าว

 เจ้าสัว“บุญชัย"ให้ปากคำ DSI

เจ้าสัว“บุญชัย"ให้ปากคำ DSI

04 ก.ย. 2560

เจ้าสัวบุญชัย ให้ปากคำดีเอสไอ ชี้แจงที่มาโฉนดที่ดินบนภูเขาป่าควนโต๊ะหลา จ.พังงา จ่อส่งสำนวนให้ปปง.ขยายผลยึดทรัพย์นายทุนเอาที่ป่าไปออกโฉนดขายนับพันไร่

       เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2560 เมื่อเวลา 10.00 น. เจ้าสัว “บุญชัย เบญจรงคกุล" เดินทางให้ปากคำดีเอสไอ คดีบ้านพักที่ตั้งอยู่บนยอดเขาในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าควนโต๊ะหลา จังหวัดพังงา                     

                           เจ้าสัว“บุญชัย"ให้ปากคำ DSI

         ทั้งนี้ นายบุญชัย เบญจรงคกุล  หรือเจ้าสัวบุญชัย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ปากคำกรณีเกี่ยวข้องกับการครอบครองบ้านพักตากอากาศบนยอดเขาป่าสงวนแห่งชาติควนโต๊ะหลาและป่าแหลมซำ ต.คลองเคียน อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา โดยเข้าให้ปากคำในฐานะพยานต้องให้การด้วยตนเอง จึงไม่สามารถให้ทนายเข้าร่วมรับฟังการให้ปากคำได้

         พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า การเรียกนายบุญชัยเข้าให้ปากคำครั้งนี้เป็นการให้ปากคำในฐานะพยาน โดยพนักงานสอบสวนจะสอบถามในประเด็นของการได้มาซึ่งโฉนดที่ดินบนยอดเขาว่า มีที่มาอย่างไร และสภาพพื้นที่ก่อนและหลังได้มามีสภาพอย่างไร เป็นป่าหรือเป็นสวน การจ่ายเงินค่าที่ดินในการซื้อขายเกิดขึ้นในช่วงใด และทำสัญญาซื้อขายกันอย่างไร ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)ขยายผลสอบสวนเพื่ออายัดทรัพย์ที่ได้มาจากการบุกรุกครอบครองทรัพยากรธรรมชาติ แล้วนำไปออกโฉนดขาย ส่วนกรณีของนายบุญชัยในฐานะพยานพนักงานสอบสวนจะพิจารณาโดยดูจากเจตนาในการครอบครองที่ดิน ระหว่างซื้อมาโดยสุจริตหรือเจตนาบุกรุก

          พ.ต.ท.ประวุธ กล่าวอีกว่า สำหรับการบุกรุกปลูกบ้านพักบนยอดเขาป่าสงวนควนโต๊ะหลาและป่าแหลมซำมีจำนวน 2 หลัง คือ บ้านของนายรัตน์ โอสถานุเคราะห์ และนายบุญชัย ซึ่งก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนเรียกนายรัตน์เข้าให้ปากคำแล้ว  หลังจากสอบปากคำพยานทั้ง 2 รายเสร็จสิ้นแล้วจะต้องตรวจสอบอายุความในคดีอาญาว่า คดียังอยู่ในอายุความหรือไม่ แต่ในส่วนของผู้นำที่ดินบนภูเขามาออกโฉนดขายยังพบว่า มีการนำที่ดินอีกนับ1,000 ไร่ ไปขาย จึงต้องใช้มาตรการทางแพ่งของกฎหมายฟอกเงินเพื่อยึดทรัพย์และส่งเรื่องให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนด  

         "ดีเอสไอเพิ่งได้รับแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียม และขณะนี้อยู่ระหว่างการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ คาดว่าคดีการบุกรุกที่ดินจะสอบพยานบุคคลไม่มาก เพราะหลักฐานส่วนใหญ่เป็นเอกสารของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง โดยกรมพัฒนาที่ดินจะต้องเป็นผู้เข้ามาชี้แนวเขตเพื่อกำหนดแนวภูเขา ขณะเดียวกันจะให้กรมป่าไม้เข้ามากำหนดแนวเขตป่าสงวนฯให้ชัดเจน  หากหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ อธิบดีกรมที่ดินก็พร้อมจะรับเรื่องไปดำเนินการต่อ"รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าว

       อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

      "เจ้าสัวบุญชัย"แจงไม่ได้บุกรุกป่า