"จระเข้แสนรู้หลวงปู่คำ" บ้านโนนแดง แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ อบจ.ชัยภูมิ | คมชัดลึก

  นายขุนทอง วงษ์คำ ผู้ใหญ่บ้านโนนแดง กล่าวถึงความเป็นมาของจระเข้ที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็น "จระเข้หลวงปู่คำ" ว่า จระเข้ตัวนี้ชาวบ้านนับถือมากว่า 60 ปี หลังจากหลวงปู่คำ เกจิชื่อดังแห่ง อ.บ้านเขว้า เจ้าอาวาสวัดดอนคำ มรณภาพไปเมื่อหลายสิบปีก่อน

 ทั้งนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน ครั้งที่หลวงปู่คำยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ธุดงค์มาที่นี่ ชาวบ้านจึงขอให้ท่านมาจำวัดที่วัดบ้านดอนไผ่ ต.โนนแดง ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นวัดที่ไม่มีพระมาจำพรรษา จึงเชิญหลวงปู่คำให้มาจำพรรษาที่วัดดอนไผ่

 หลังจากหลวงปู่คำได้จำวัดจนครบพรรษา ชาวบ้านก็นิมนต์ให้ท่านอยู่ประจำวัด เพราะแรงศรัทธาในวัตรปฏิบัติของท่านจนชาวบ้านทั้ง อ.บ้านเขว้า ให้การยอมรับและให้ความเคารพนับถือจนไม่อยากให้ท่านออกจากวัดดอนไผ่ไป

 ดังนั้น หลวงปู่คำ ท่านจึงยอมอยู่จำวัดตามที่ญาติโยมขอมา จนวันหนึ่งมีพ่อค้ามาจากต่างจังหวัดเอาจระเข้มาเร่ขาย หลวงปู่คำก็ซื้อจระเข้ไว้กว่า 10 ตัว มาเลี้ยงไว้ที่สระหลังวัดดอนไผ่ในเนื้อที่กว่า 40 ไร่ แต่จระเข้ที่ท่านเลี้ยงไว้หายไปในช่วงน้ำหลากทุกปี

 กระทั่งมีชาวบ้านคนหนึ่งไปพบจระเข้ในที่นาของตน จึงจับมาคืนหลวงปู่คำได้เพียง 1 ตัว หลวงปู่คำจึงจับจระเข้ตัวนี้ขึ้นมาทำพิธี "ตัดหาง" เพื่อไม่ให้จระเข้หลบหนีในช่วงเวลาน้ำหลากอีกต่อไป

 หลวงปู่คำ ได้นำหางจระเข้ไปฝังไว้ที่บันไดใต้กุฏิ พร้อมทั้งลงอาคมไว้ไม่ให้จระเข้หนีไปไหนอีก และแม้ท่านจะมรณภาพไปกว่า 50 ปีแล้ว แต่จระเข้ตัวนี้ก็ยังอยู่ในสระหลังวัด ไม่ได้หนีไปไหนจนชาวบ้านใน อ.บ้านเขว้า ให้ความเคารพนับถืออย่างมาก

 ส่วนชาวบ้านที่โนนแดงก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มีอยู่คนเดียวที่จะเรียกจระเข้แสนรู้มาได้ นั่นคือผู้ใหญ่ขุนทองนั่นเอง นอกนั้นมีน้อยครั้งที่มีคนเรียกแล้วจระเข้หลวงปู่คำจะมา เพราะญาติของผู้ใหญ่ขุนทองเป็นคนนำจระเข้ตัวนี้มาคืนให้หลวงปู่สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่

 ชาวบ้านที่นี่ยังเชื่อกันว่า หลวงปู่คำได้มาสิงสถิตอยู่ในตัวจระเข้ ซึ่งชาวบ้านที่ อ.บ้านเขว้า จะจัดงานแห่หลวงปู่คำเป็นประจำทุกปี ในเทศกาลสงกรานต์ โดยจะนำเอาจระเข้หลวงปู่คำขึ้นนั่งรถแห่รอบ ต.โนนแดง ทั้งยังมีคนต่างจังหวัดแห่มาสะเดาะเคราะห์เป็นจำนวนมาก

 ขณะที่ นายสุริยน ภูมิรัตนประพิณ นายก อบจ.ชัยภูมิ กล่าวว่า หลังจากมีสื่อมวลชนให้ความสนใจเผยแพร่ข่าวจระเข้แสนรู้ที่วัดดอนไผ่ วันนี้ทำให้ในช่วงวันหยุดมีนักท่องเที่ยวพากันเดินทางมาชมจระเข้แสนรู้กันหลายร้อยคนในแต่ละวัน

 ด้วยเหตุนี้ อบจ.ชัยภูมิ จึงเตรียมที่จะทำแผนประชาสัมพันธ์ และพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเพื่อส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งของจังหวัดด้วย

 โดยเฉพาะสถานการณ์บ้านเมืองทุกวันนี้ที่มีความแตกแยกของคนไทยด้วยกันเองมาก แหล่งท่องเที่ยวแหล่งนี้จึงน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าทำไมกว่า 50 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าสัตว์อย่างจระเข้จะดุร้าย แต่ทำไมวิถีชีวิตชุมชนที่นี่คนกับสัตว์ยังอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข การอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขระหว่างคนกับสัตว์ดุร้ายอย่างจระเข้น่าจะเป็นอนุสติเตือนใจให้คนไทยด้วยกันหวนกลับมาฉุกคิด และนำเอาความรู้รักสามัคคีของคนในชาติกลับคืนมาดังเดิมอีกครั้ง

"สุทธิพงศ์ เสฏฐรังสี"