ข่าว

แอโรบิกลูกน้อยสานสัมพันธ์พ่อแม่ลูก

แอโรบิกลูกน้อยสานสัมพันธ์พ่อแม่ลูก

19 ก.ย. 2552

โยกเยกเอยน้ำท่วมเมฆ กระต่ายลอยคอ หมาหางงอ กอดคอโยกเยก เสียงเพลงประกอบท่วงท่าแอโรบิก ขับกล่อมลูกน้อยเพื่อการออกกำลังกายในเด็กเล็ก บรรดาพ่อ แม่ มือใหม่ร่วมออกกำลังกายสร้างพัฒนาการเสริมกล้ามเนื้อมัดเล็ก ผสานความสุขครอบครัว

ในกิจกรรม Interactive Workshop 10 บัญญัติสร้างลูกสมองดี by Baby Love ครั้งที่2 ที่บริษัทรักลูกกรุ๊ป กิจกรรมเสริมทักษะที่พ่อแม่นำไปปฏิบัติได้จริง

      การออกกำลังกายในเด็กเล็ก ช่วยส่งเสริมพัฒนาการให้กับเด็ก การสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูกได้ดีอีกด้วย   ผศ.ดร.สายพิณ ประเสริฐสุขดี อาจารย์ประจำคณะกายภาพบำบัด และวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวประยุกต์  ม.มหิดล  บอกถึงความสำคัญของการออกกำลังกายในเด็กเล็ก ซึงมีท่าประกอบเป็นต้นว่า ท่าโยกเยกเป็นท่าพื้นฐานประกอบไปกับเพลง โยกเยกเอย น้ำท่วมเมฆ กระต่ายลอยคอ โดนพ่อแม่อุ้มลูกขึ้น โดยเริ่มจับที่กล้ามเนื้อกลางลำตัวของลูก ค่อนมาทางด้านล่างจะยิ่งดี เพื่อเด็กจะได้มีโอกาสในการยกศีรษะกับลำตัวขึ้นมาเอง การโยกเยกซ้าย-ขวา  ช่วยส่งเสริม และพัฒนากล้ามเนื้อ และลำตัวของเด็กให้แข็งแรง ส่วนการโยกไปทางด้านหน้า หรือหลัง เด็กจะมีการพัฒนากล้ามเนื้อศีรษะ กับลำตัวมากขี้น

ท่าเครื่องบินเด็กตั้งแต่6 เดือนขึ้นไปจะเริ่มเหยียด และยืดตัวขึ้นได้ ท่านี้จะช่วยพัฒนากล้ามดังกล่าวให้แข็งแรง โดยพ่อแม่อุ้มลูกขึ้น จากนั้นใช้ลักษณะการจับที่ลำตัวของเด็ก ซึ่งต่ำกว่ารักแร้ 1 จุดและเหนือกว่าข้อสะโพก โดยจับลูกให้นอนคว่ำอยู่ในมือ และก็ร่อนในแนวตรงไปข้างหน้า ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อในการเหยียดศีรษะ และลำตัว รวมไปถึงสะโพก และขา

 ท่ากระโดดร่มเน้นกล้ามเนื้อขาพ่อแม่จับเด็กในแนวกลางลำตัวเหมือนกันกับท่าเครื่องบิน อุ้มลูกหันหน้าออกไปข้างหน้า ยกตัวลูกให้สูงขึ้น และค่อยๆ ร่อนลงมาแบบนุ่มนวลให้ฝ่าเท้าของลูกสัมผัสกับพื้น ช่วยฝึกกล้ามเนื้อขาของเด็กให้มีการพัฒนาที่ดีขึ้น


ท่ากระโดดกบ เน้นกล้ามเนื้อแขน โดยพ่อแม่จับที่ลำตัวของเด็ก ซึ่งต่ำกว่ารักแร้ 1 จุดและเหนือกว่าข้อสะโพก จับลูกให้คว่ำอยู่ในมือของคุณพ่อ หรือคุณแม่ ซึ่งเหมือนกับท่าเครื่องบิน ค่อยๆ ร่อนตัวเด็กเฉียงลงมา คล้ายกับเครื่องบินกำลังร่อนลง จากนั้นเด็กจะเกิดปฏิกิริยาด้วยการเหยียดแขนรับกับพื้น ช่วยบริหารกล้ามเนื้อแขน อย่าร่อนเร็วเกินไป อาจพลาดพลั้งศีรษะลูกกระทบกับพื้นได้ ต้องระวังเป็นพิเศษ

ถ้าจะให้ดีควรทำในช่วงอายุ 5-6 เดือนทำในช่วงเวลาที่เด็กมีความสุขมากที่สุด คือหลังจากเด็กตื่นนอนได้สักพัก หรือ หลังจากอาบน้ำเสร็จ หลังจากเด็กรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ ไม่ ควรทำ เพราะเด็กเล็ก ยังมีระบบการย่อยที่ไม่สมบูรณ์พ่อแม่ผู้ปกครองควรออกกำลังกายกับเด็กหลังอาหาร 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมงจะเป็นช่วงเวลาที่ปลอดภัยที่สุด


แต่ถ้าลูกโตขึ้นมาประมาณ2-3 ขวบขึ้นไปและไม่สามารถอุ้มตัวลูกไหว พ่อ แม่อาจจะต้องประยุกต์ท่าใหม่ ซึ่งอาจารย์ได้แนะนำว่า คุณพ่อ คุณแม่ต้องใช้ท่านอนแทน โดยเน้นการเกร็งที่หน้าท้องเป็นหลัก โดยใช้ท่าฝึกเหมือนกับเด็กเล็ก แต่เปลี่ยนมานั่งโยกเยกที่ท้องแทน จากนั้นจับที่เอว หรือแนวกลางลำตัวของลูก แล้วโยกเบาๆ จากซ้ายไปขวา จากหน้าไปหลัง

พอมาท่าที่สองถ้ามองให้ดีจะเป็นการผสมผสานระหว่างท่าโยกเยกกับท่าเครื่องบิน โดยจะใช้ท่านอนเหมือนเดิม แต่จะวางลูกไว้ที่ขา โดยให้ลูกโอบที่ขาทั้งสองข้างแล้วยกขึ้นลง หรือนั่งแล้วจับโดยเอาขาของพ่อแม่เป็นฐานรองเด็ก (ข้างหนึ่งเหยียดตรงอีกข้างหนึ่งเอามาไขว้เพื่อรองรับน้ำหนักของลูก จากนั้นนอนลง แล้วร่อนตัวลูกไปทางซ้ายขวา และหน้าหลัง ซึ่งเด็กจะได้เหยียดศีรษะ และลำตัว ขณะเดียวกัน พ่อแม่ก็จะได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วย

การออกกำลังกายกับลูกทุกครั้งคุณพ่อ หรือคุณแม่ควรเริ่มจากท่าเบาๆ ก่อน จากนั้นจึงค่อยเพิ่มระดับความท้าทายไปเรื่อยๆไม่ควรแรงมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เด็กมึนศีรษะ หรืออาจพลัดตกลงมา จนเกิดอันตรายต่อร่างกายได้

 

0 กิตติยา ธนกาลมารวย 0