จากหนุ่มน้อยขี้อาย สู่เพจ "คิวเท โอ็ปป้า"

 

             “ซิม คิวเท” หรือ ซิม วัย 18 ปี ที่หลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาจากช่อง "Kyutae oppa" ทางยูทูบ และแฟนเพจเฟซบุ๊ก “Kyutae oppa-คิวเท โอ็ปป้า” จากหนุ่มน้อยที่เคยขี้อาย กลับกลายเป็นยูทูปเบอร์ชื่อดัง ซึ่งเมื่อคนที่ได้ดูคลิปของเขาแล้วก็จะรู้สึกเอ็นดูกับท่าทาง สุดเกรียนสุดฮาของหนุ่มเกาหลีคนนี้

             คิวเทเล่าว่า เมื่อ 4 ปีก่อน เขาเคยสนใจและคิดที่จะทำ channel บน youtube มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่เพราะตัวเองมีความฝันอยากเป็นนักร้อง จึงหันไปให้ความสนใจทางด้านร้องเพลง 

แต่เขามารู้ทีหลังว่าตัวเองร้องเพลงไม่เพราะ “ผมมารู้เอาทีหลังว่าผมไม่เหมาะกับการร้องเพลงเพราะผมร้องเพลงกากมาก (หัวเราะ)” รวมถึงเขาเป็นขี้อายเลยพลาดโอกาสที่จะได้ทำ Channel ของตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น

             แต่เมื่อมาถึงเวลานี้คิวเทกลับรู้สึกว่า เขารู้สึกดีที่ได้ขึ้นเวที เพราะมันทำให้เขารู้สึกกล้าที่จะแสดงออก และรู้สึกดีที่มีคนมองและให้ความสนใจ เขาเลยคิดที่จะกลับมาทำช่องของตัวเองในยูทูบอีกครั้ง

             จุดเริ่มต้นของการทำคลิป “เกาหลีเต้นสายย่อ“ ซึ่งเป็นคลิปอันแรกของเขานั้น คิวเทเล่าว่า เพราะตัวเขาเป็นคนที่ชอบดูยูทูปและฟังเพลงอยู่แล้ว 

             “จริงๆแล้วผมดูยูทูปทุกวันเลยนะ แล้วดูทุกอย่างด้วย วันนึงก็เกือบ 4-5 ชั่วโมงได้ และยังชอบเต้นอีกด้วย เต้นแบบตลกๆสนุก เฮฮา เลยทำให้มีความคิดว่าอยากทำบ้าง เพราะว่าถ้าปล่อยชีวิตว่างๆมันก็จะดูน่าเบื่อ อย่างคลิปสายย่อที่คิดทำขึ้นมา ก็คือเริ่มจากหาในอินเตอร์เน็ต"

             คิวเทเล่าว่าการทำยูทูป คือเราต้อง “แตกต่าง” จากคนอื่น จึงเริ่มศึกษาและทำอย่างจริงจัง ทั้งตั้งกล้องและถ่ายทำเอง ซึ่งเขาก็รู้เลยว่าทำคนเดียวมันยากมาก เพราะกล้องของตัวเองไม่สามารถหันหน้าจอกล้องมาดูได้ ก็คือต้องตั้งถ่ายแล้ววิ่งมาดู พอไม่ได้ก็ต้องถ่ายใหม่อีกรอบ “ตอนนั้นที่อัดคลิปสายย่อเนี่ย ผมเต้นอยู่ข้างบ้านก็มอง คงคิดว่าผมเป็นบ้า ตอนแรกครอบครัวก็คิดนะว่าผมเป็นบ้าอะไร (หัวเราะ)”

             คิวเทเล่าต่ออีกว่า อย่างคลิปสายย่อ ตอนนั้นแรกๆมีคนดูแค่ 200 คน ซึ่งครอบครัวก็สนับสนุนและบอกว่าให้ตั้งใจทำ ในตอนแรกถ่ายคนเดียว แต่หลังๆบางครั้งก็มีมาช่วยบ้าง เช่น น้องสาวจะมาช่วยถ่าย มาถือกล้องอะไรแบบนั้น ในส่วนของแม่ จะคอยเตือนผมตลอดว่าอย่าพูดคำหยาบนะ ส่วนพ่อนี่ชอบมาก

             ในความเป็นจริง คิวเทไม่ได้มีอุปกรณ์อะไรมากมายเลย มีแค่กล้องตัวเดียว และตัวเขาก็ไม่อยากรบกวนครอบครัวในเรื่องนี้ เพราะอยากหาเองหรือซื้อของด้วยตัวเองมากกว่า 

             ในส่วนของรายได้คิวเทบอกว่า “เอาความจริงเลยนะครับพี่ 0 บาท” คิวเทเล่าไปหัวเราะไป เพราะการจะมีรายได้จากยูทูบต้องมีโฆษณาแฝงอยู่ในคลิปด้วย ซึ่งคลิปของเขาจะไม่มีการใส่โฆษณาลงไปเด็ดขาดเพราะกลัวคนดูจะรู้สึกเบื่อ แม้ว่าตอนนี้ก็มีโฆษณาหลายตัวได้ติดต่อมาก็ตาม “แต่ถ้าจะให้ผมคิดจริงๆ จากคลิปที่ลงมาทั้ง 5-6 เดือนเนี่ย ผมว่าน่าจะได้ซัก 8,000 บาทนะ”  

             เมื่อถามถึงความรู้สึกว่าตอนนี้รู้สึกยังไง คิวเทก็เล่าแบบยิ้มๆว่า “รู้สึกดีมากครับ เวลาไปไหนก็มีคนมาขอถ่ายรูป แต่บางครั้งผมไม่รู้นะว่าคนไทยเขาอายหรือว่าไม่กล้าเข้าใกล้ผม เพราะบางทีผมเห็นเขาถ่ายรูปอยู่ไกลๆ เหมือนกลัวผมยังไงไม่รู้”

             คิวเทเป็นคนเกาหลี แต่เติบโตที่ประเทศไทยและมีเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆที่อยู่ประเทศเกาหลี แค่ 3 เดือน ในช่วงวัยอนุบาล หลังจากนั้นก็ย้ายตามครอบครัวมาอยู่ที่ประเทศไทยเป็นต้นมา ทำให้เขาซึมซับเอาความเป็นไทยไปไม่น้อย

             คิวเท พูดถึงความแตกต่างระหว่างเด็กไทยและเด็กเกาหลีในช่วงอายุที่เท่ากับเขาว่า เด็กเกาหลีจะไม่ค่อยว่าง ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนและเลิกเรียนดึกมาก ส่วนใหญ่จะเริ่มเรียน 9 โมง เลิกตอนเย็นและเรียนพิเศษต่อจนถึงประมาณ 5 ทุ่ม แต่ถ้าหนักจริงๆก็ถึงเที่ยงคืน เพราะว่าต้องกลับมาอ่านหนังสือกันต่อ คือ เด็กเกาหลีดูจะเครียดมากๆกับเรื่องแบบนี้ ส่วนเด็กไทยดูมีอิสระ เลิกเรียนแล้วก็สามารถเลือกจะทำอะไรก็ได้ ไม่หนักเท่าที่เกาหลี เขาคิดว่ามันดีกว่า เพราะว่าช่วงเวลานั้นสามารถทำตามความฝันของตัวเองได้ เรียนไปด้วยและทำในสิ่งที่อยากทำได้ด้วย ทำให้สามารถประสบความสำเร็จได้มากกว่า

             แม้ความฝันจะไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่ามันคือ ความสำเร็จ แต่ความฝันคือก้าวแรกว่าเราจะกล้าทำมันหรือเปล่า กล้าที่จะก้าวผ่านความกลัวไปได้หรือไม่ แค่มีความมุ่งมั่นตั้งใจและกล้าที่จะแสดงออก ก็จะประสบความสำเร็จได้เหมือนคิวเท เริ่มทำในสิ่งที่ชอบ และพยายามทำมันให้ออกมาดีที่สุด

------

โดย ปาวีณา พุ่มเพชร คมชัดลึกออนไลน์