ข่าว

“รัฐประหาร 19 ก.ย.”

“รัฐประหาร 19 ก.ย.”

19 ก.ย. 2552

วันนี้วันที่ 19 กันยายน ครบ 3 ปีรัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 มาย้อนรำลึกนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นไว้กันลืมกันบ้าง ก็น่าจะดีครับ

ผมจำได้ว่าการรัฐประหารครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 5 ทุ่มเศษๆ แรกก็ได้แต่นั่งมึนงงอยู่หน้าจอทีวี คงเหมือนกับคนอื่นๆ แล้วรู้สึกตื่นเต้นตามมา เพราะไม่ได้เห็นการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นมานานแล้ว รุ่งเช้าเมื่อรู้ว่าเหตุการณ์เรียบร้อยดีจึงได้ออกจากบ้านไปดูให้เห็นกับตา

 ผมได้เห็นทหารพร้อมด้วยอาวุธครบมือประจำอยู่ทั่วไปตามจุดต่างๆ ของกรุงเทพฯ และในหลายที่มีรถถังชูกระบอกปืนจังก้าอยู่ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือมีผู้คนมากมายพากันห้อมล้อมทั้งรถถังและทหารที่ถืออาวุธอยู่ แสดงความยินดีมอบดอกไม้ให้ทหาร

 จากวันนี้ไปในเช้า สาย บ่าย ค่ำ ก็จะเห็นแต่ภาพที่ประชาชนทั่วไป ทั้งในกรุงและต่างจังหวัดพากันออกมาให้กำลังใจแก่ทหารด้วยการมอบทั้งดอกไม้ ขนม น้ำ และข้าวปลาอาหาร ร่วมถ่ายรูปกับทหาร ปืน และรถถัง

 แถมยังขอลายเซ็นทหารกลับบ้านไปเป็นที่ระลึกอีกต่างหาก

 สำนักข่าวต่างประเทศ (ไม่รู้ว่าประชดหรือเปล่า) ถึงกับบอกว่า การรัฐประหารครั้งนี้ “อยู่ในระดับ คลาสสิก” และว่าการที่คนไทยห่างเหินต่อการรัฐประหารมานานแล้วถึง 15 ปีนั้น น่าจะสรุปได้ว่าต่างก็ ตื่นเต้นยินดีและต้อนรับการรัฐประหารครั้งนี้ยิ่งกว่าครั้งใดๆ ที่ได้มีมาในประวัติศาสตร์

 การรัฐประหารจึงเรียบร้อยและนิ่มนวลถึงขนาดว่า ต้องประกาศ “ขออภัยในความไม่สะดวก” แก่ประชาชนทั้งหลายที่สัญจรไปมาในขณะนั้น และที่ยิ่งกว่านั้นถ้าหากจำกันได้มีบริษัททัวร์หลายแห่งในกรุงเทพฯ นี้เอง บรรจุโปรแกรมการรัฐประหารครั้งนี้ไว้ในการท่องเที่ยวด้วย

 คือให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแวะดูรัฐประหาร ได้ถ่ายรูปกับทหาร รถถัง และอาวุธ ไว้เป็นที่ระลึกครั้งเดียวของชีวิต คงจะไม่มีรัฐประหารที่ไหนในโลกนี้อีกแล้วที่จะแปลกประหลาดเท่ากับการ รัฐประหาร ครั้งนี้

 ที่ทหารทนไม่ได้ก็มีแต่พวกสาวแดนเซอร์เท่านั้น ที่ทหารต้องไล่ไปห้ามเฉียดเข้ามาใกล้ เพราะเห็นว่า ไม่เหมาะควร

 ผลการสำรวจต่อมาว่า มีประชาชนเห็นด้วยกับการรัฐประหารครั้งนี้มากกว่าร้อยละ 80 แต่ที่อยู่นอกการสำรวจก็คือ ชาวบ้านใช้เลข 19 อันเป็นวันรัฐประหารนี้แห่กันแทงหวย

 อีกปีเศษๆ ต่อมาในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับบ้านมา กราบแผ่นดิน ชาวบ้านก็พากันแทงหวยเลข 28 เช่นกัน

 นี่กระมังครับ ถึงได้เรียกกันต่อมาว่า เป็น “รัฐประหารหน่อมแน้ม”