
"5 เงื่อนไข" เปลี่ยนนายจ้างใหม่ได้่
"อธิบดี กกจ." เผยแรงงานนำเข้าตามระบบ MOU หลัง 16ส.ค.59 สามารถเปลี่ยนนายจ้างใหม่ได้ ภายใต้ 5 เงื่อนไข
เมื่อวันที่ 24ก.ค.2560-นายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กล่าวชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่าลูกจ้างประมงเปลี่ยนไปหานายจ้างใหม่ได้โดยนายจ้างเก่าไม่ต้องเซ็นยินยอมนั้นว่า ในพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 มีการกำหนดชัดเจนให้นายจ้างต้องแจ้งต่อนายทะเบียนในกรณีคนต่างด้าวที่ได้รับใบอนุญาตทำงานออกจากงาน แต่เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานจึงได้มีมาตรการผ่อนปรนให้ลูกจ้างต่างด้าวสามารถเปลี่ยนนายจ้างได้ โดยต้องมีการตกลงกับนายจ้างเดิมก่อนหากมีภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบ แต่มิได้กำหนดไว้ว่านายจ้างใหม่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่ลูกจ้างต่างด้าวมีไว้กับนายจ้างเดิม
ทั้งนี้ หากเป็นแรงงานที่นำเข้าตามระบบ MOU หลังวันที่ 16 สิงหาคม 2559 ให้เปลี่ยนนายจ้างได้ภายใต้ 5 เงื่อนไขคือ 1) นายจ้างเลิกจ้างหรือนายจ้างเสียชีวิต 2) นายจ้างล้มละลาย 3) นายจ้างกระทำทารุณกรรมหรือทำร้ายร่างกายลูกจ้าง 4) นายจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้างหรือกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน 5) ลูกจ้างทำงานในสภาพการทำงานหรือสภาพแวดล้อมในการทำงานที่อาจทำให้ลูกจ้างได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพอนามัย
นายวรานนท์ กล่าวอีกว่า สำหรับแรงงานที่จดทะเบียนแล้วย้ายไปทำงานกับนายจ้างรายอื่นหรือประเภทกิจการอื่น นายจ้างในกิจการประมงจะต้องสร้างแรงจูงใจเพื่อรักษาแรงงานที่มีอยู่ทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว โดยการจัดสภาพการจ้าง สภาพการทำงาน ชีวิตความเป็นอยู่ มีสวัสดิการดี ค่าตอบแทนดี และมีความมั่นคงในชีวิต จึงจะช่วยให้แรงงานไม่ย้ายหนีไปทำงานในกิจการอื่น ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด 22 จังหวัดชายทะเล หรือโทร.สายด่วนกรมการจัดหางาน 1694