
"ตั้งกก.สอบตุลาการ" เปิดเผยตัวไม่ได้
“โฆษกศาลยุติธรรม” แจงขั้นตอนตั้งกก.สอบฯ เป็นชั้นความลับ ส่วนหลักปฏิบัติหากลาออกแล้วผลสอบข้อเท็จจริงไม่ผิดก็ยุติ แต่ถ้าผิดวินัยไม่ร้ายแรง ก.ต.สั่งงดโทษได้
เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2560 - นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงนายศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ว่า เรื่องการแต่งตั้งบุคคลใดเป็นกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตุลาการ และผู้ที่ถูกสอบสวนนั้นเป็นใครนั้น ขั้นตอนปฏิบัติถือเป็นความลับไม่อาจเปิดเผยรายละเอียดได้
เมื่อถามถึงขั้นตอนปฏิบัติในการสอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตุลาการนั้น นายสืบพงษ์ โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า หลักปฏิบัติทั่วไปในการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อข้าราชการฝ่ายตุลาการนั้น หากปรากฏว่าไม่มีมูลความผิดเรื่องก็ยุติไป แต่หากเป็นความผิดทางวินัยก็ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยต่อไป
ส่วนการปฏิบัติต่อการสอบสวนทางวินัยนั้นถ้าผลออกมาว่าไม่มีมูลก็ยุติเรื่อง แต่หากตุลาการท่านนั้นลาออกจากราชการแล้วและผลการสอบสวนออกมาว่าเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรงก็ต้องงดโทษไป ทั้งนี้ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 75 บัญญัติว่าข้าราชการตุลาการผู้ใดถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และเป็นการกล่าวหาเป็นหนังสือหรือโดยผู้มีอำนาจในการดำเนินการทางวินัยของข้าราชการตุลาการ ผู้นั้นหรือต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา เว้นแต่เป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ แม้ภายหลังผู้นั้นจะพ้นจากตำแหน่งข้าราชการตุลาการไปแล้ว ให้ผู้มีอำนาจดำเนินการทางวินัยสอบสวนหรือพิจารณาลงโทษหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้เป็นไปตามหมวดนี้ได้เสมือนผู้นั้นยังไม่ได้พ้นจากตำแหน่งข้าราชการตุลาการ เว้นแต่ข้าราชการตุลาการผู้นั้นจะพ้นจากตำแหน่งเพราะตาย
ส่วน วรรคสอง ระบุว่า ในกรณีผลการสวบสวนตามวรรคหนึ่ง ปรากฏว่าข้าราชการตุลาการผู้นั้นกระทำผิดวินัยแต่ไม่ร้ายแรง ก.ต.จะพิจารณางดโทษก็ได้
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) และอนุ ก.ต. จะให้ข้อมูลลักษณะการแถลงข่าวต่อกรณีนายศิริชัย ประธานศาลอุทธรณ์ นายสืบพงษ์ โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวชี้แจงว่า ตามระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมว่าด้วยการให้ข่าวและบริการข่าวสารของศาลยุติธรรมนั้น สามารถให้ข่าวผ่านทางโฆษกศาลยุติธรรม โดยต้องได้รับอนุญาตจาก ก.ต.หรือ อนุ ก. ต.ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงโทษตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543หากเป็นความผิดวินัยนั้น ตามมาตรา 76 บัญญัติโทษทางวินัยมี 5 สถาน คือ(1) ไล่ออก(2) ปลดออก(3) ให้ออก(4) งดเลื่อนตำแหน่งหรืองดเลื่อนเงินเดือน(5) ภาคทัณฑ์ ซึ่งการสั่งลงโทษข้าราชการตุลาการในสถานไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกนั้น จะกระทำได้เมื่อดำเนินการสอบสวนพิจารณาเรื่องการรักษาวินัยตามที่บัญญัติไว้แล้ว
ส่วนมาตรา 80 ระบุว่าในกรณีที่ข้าราชการตุลาการกระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรงถึงขั้นที่จะต้องไล่ออก ปลดออก หรือให้ออก ประธานศาลฎีกาจะสั่งลงโทษงดเลื่อนตำแหน่ง หรืองดเลื่อน เงินเดือนเป็นเวลาไม่เกิน 3ปี หรือถ้ามีเหตุสมควรปรานีจะสั่งลงโทษเพียงภาคทัณฑ์และจะให้ทำทัณฑ์บนไว้ด้วยก็ได้ ทั้งนี้ต้องให้คณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมประจำชั้นศาล ตามมาตรา 47 วรรคสอง พิจารณากลั่นกรองเสนอความเห็นและได้รับความเห็นชอบจาก ก.ต.ก่อน



