ข่าว

"ถาวร"ปัดตรวจสอบขรก.เอี่ยวออกโฉนดรุกป่าเชียงราย

"ถาวร"ปัดตรวจสอบขรก.เอี่ยวออกโฉนดรุกป่าเชียงราย

15 ก.ย. 2552

"ถาวร "ปัดไม่รู้เรื่อง กรณีข้าราชการกรมที่ดิน เอี่ยวทุจริต ออกโฉนดที่ดินบนพื้นที่สวนป่า แม่สลอง อ.แม่จัน จ. เชียงรายโดยมิชอบ อ้างเป็นเรื่องข้าราชการประจำ กมธ.ปูด ทุจริตซ้ำซากออกโฉนดฮุบที่หลวงแล้วนำมาขึ้นทะเบียนสวนป่าหมื่นไร่ของบปลูกป่าไร่ละ 3พันบาท ขณะที

จากกรณีเปิดเผยขบวนการฮุบที่สวนป่าหมื่นไร่ เจ้าหน้าที่รัฐ เอกชนและที่ดินจังหวัดร่วมแปลงเอกสาร ปลอมลายเซ็น เปลี่ยนที่สวนป่ากิ่วทัพยั้ง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ข้าวต้ม ป่าห้วยน้ำลึกและพื้นที่สวนป่าแม่สลอง อ.แม่จัน จ.เชียงราย เป็นโฉนดที่ดินกว่าหมื่นไร่ นั้น

  นายถาวร  เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะดูแลกรมที่ดิน  กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานการทุจริต และการสั่งตรวจสอบไม่สามารถทำได้หากข้าราชการประจำและ คนกล่าวโทษร้องทุกข์ ไม่ส่งเรื่องมาให้พิจารณา เพราะถือเป็นระเบียบการทำงานของข้าราชการประจำ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่อง ในระดับการตรวจสอบของ ข้าราชการประจำ เท่านั้น

 เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ท่านทราบเรื่องการทุจริตบนหน้าหนังสือพิมพ์หรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า  ผมจะทำอะไรได้ หากไม่มีผู้กล่าวโทษร้องทุกข์ร้องเรียนเข้ามา และข้าราชการประจำส่งเรื่องเข้ามา

 แต่เมื่อถามว่า นโยบายปราบทุจริตเป็นของพรรคประชาธิปัตย์  และ กรณีนี้เป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ จำเป็นต้องตรวจสอบหรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงจะต้องมีการตรวจสอบ

 นายนริศ   ขำนุรักษ์   ส.ส.พัทลุง   พรรคประชาธิปัตย์   ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการที่ดินทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร  กล่าวว่า กรณีการบุกรุกป่ากิ่วทัพยั้งและป่าแม่สลอง จ.เชียงราย เป็นเรื่องเก่าที่ตนเคยหยิบยกขึ้นมาอภิปรายในสภาตั้งแต่ปี 2547 แล้ว ล่าสุดเมื่อคราวการประชุมพิจารณาร่างพระ ราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี   2553 เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็นำเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกครั้ง เพราะเห็นว่ามีการทุจริตออกโฉนดในที่ดินสวนป่า และยังนำพื้นที่ที่บุกรุกมาเข้าโครงการปลูกป่ากับกรมอุทยานฯ ทั้งที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ   รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ก็เคยสั่งการให้ตรวจสอบมานานถึง 5 ปี จนมีผลสอบสวนส่งถึงมือปลัด ทส.ตั้งแต่เดือนส.ค. 2551 แต่การแก้ปัญหากลับไม่มีความคืบหน้า และเอาผิดใครไม่ได้เลย   ซึ่งแม้ว่าจะอ้างว่ามีการบุกรุกแค่พันไร่เท่านั้น และมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องนั้น   แต่ข้อเท็จจริงพื้นที่นับหมื่นไร่ถูกบุกรุกยึดครองไปหมดแล้ว   ถ้าไม่เชื่อให้ทส.ลงพื้นที่ตรวจสอบในพื้นที่ได้เลย

    “ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าพื้นที่สวนป่าแม่สลอง มีการสวมสิทธิ์ออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย   จนทำให้รัฐสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ และเสียงบจากการส่งเสริมให้นำพื้นที่มาเข้าพื้นที่ปลูกป่าไร่ละ 3 , 000 บาท   และรัฐเสียประโยชน์จากการถูกตัดไม้ไปขาย และสุดท้ายพื้นที่ดังกล่าวมีการขายต่อเป็นทอดๆ   ซึ่งน่าสงสัยว่าการปลูกป่าในสวนป่าแม่สลอง ของหน่วยจัดการต้นน้ำระหว่างปี 2513-2538 นั้นเป็นการปลูกโดยลูกจ้างของรัฐ ไม่ใช่เอกชนเป็นผู้ปลูกแล้วทำไมถึงอนุญาตให้ตัดฟันไม้ไปขายไห้ เรื่องนี้คงต้องถามคนในทส.น่า จะรู้ดีกว่า เพราะส่วนใหญ่ยังวนเวียนเปลี่ยนสลับกรมในตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ และบางคนก็เป็นรองปลัดทส. อยู่ในปัจจุบัน  

 อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการนำประเด็นนี้มาอภิปรายไม่มีการเมืองเข้ามาแอบแฝงแน่ เพราะส่วนตัวไม่รู้จักกับข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้   และไม่มีปัญหาอะไรกับนายสุวิทย์ เพียงแต่อยากให้นายสุวิทย์ เร่งหาทางนำคนผิดมาดำเนินคดีและยึดพื้นที่รัฐคืนมาเท่านั้น   โดยสัปดาห์หน้าจะนำญัตตินี้เข้าหารือในที่ประชุมกมธ.สวล. เพื่อติดตามปัญหานี้ต่อไป ” นายนริศ กล่าว
ยืนยันเอกชนรุกที่ 5พันไร่

 นายนริศ กล่าวอีกว่า   จากการตรวจสอบการโครงการปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำลำธาร   ในพื้นที่หน่วยจัดการต้นน้ำแม่สลอง ซึ่งเดิมสังกัดสำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ กรมอุทยานแห่งชาติฯ มีข้อมูลชัดเจนว่าเป็นการปลูกป่าโดยใช้งบประมาณแผ่นดินตามที่ได้รับการจัดสรรในแต่ละปีงบ พื้นที่สวนป่าดังกล่าวจึงเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน   ซึ่งใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์และเป็นพื้นที่ป่า ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ด้วย โดยโครงการนี้กำหนด ปลูกป่า 100 ต้นต่อไร่ ตั้งแต่ปี 2513-2538 รวม 13 , 082 ไร่     และกิจกรรมปลูกป่าปรับปรุงระบบนิเวศน์ต้นน้ำ 25 ต้นต่อไร่ ระหว่างปี 2539-49 รวม 5 , 050 ไร่  

 โดยผลการปลูกฟื้นฟูป่า แปลงปี 2521 จำนวน 1 , 100 ไร่ ระบุว่ามีชนิดพันธุ์ไม้ที่ปลูก คือ แอปเปิ้ลป่า ประดู่ส้ม ตระคร้ำ ชิงชัน ซ้อ ประดู่ ค่าใช้จ่ายในการปลูก 590 บาทต่อไร่ และค่าบำรุงรักษาสวนเดิมอายุ   2-6 ปี 120 บาทต่อไร่ ส่วนแปลงปลูกป่าปี   2522 จำนวน 1 , 000 ไร่ ชนิดที่ปลูก คือประดู่ส้ม เหรียง สีเสียด ชงโค ต่อน ขี้เหล็กบ้าน ค่าใช้จ่ายในหารปลูก 615 บาทต่อไร่ และค่าบำรุงรักษาสวนเดิม อายุ 2-6 ปี 120 บาทต่อไร่

 สำหรับแปลงปลูกป่าปี 2523 จำนวน 700 ไร่ ชนิดที่ปลูก คือ ประดู่ ไม้ซ้อ สัก ค่าใช้จ่าย ไร่ละ 700 บาท ค่าบำรุงสวนเดิมอายุ   2-6 ปี 106 บาทต่อไร่ แปลงปลูกปี   2527 จำนวน 200 ไร่ ชนิดไม้ที่ปลูกคือ   ไม้ซ้อ ค่าใช้ จ่ายในการปลูกป่า 1 , 000 บาทต่อไร่ และบำรุงสวนเดิม อายุ 2-6 ปี 150 บาทต่อไร่
สน.แม่จัน ร้องทุกข์ 6ขรก.-เอกชน

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตรวจสอบปัญหาทุจริตออกโฉนดทับซ้อนพื้นที่ปลูกป่าหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สลอง จ.เชียงราย ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา พันตำรวจโทสุเมธ ก้อนคำ รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน ปฏิบัติราชการแทนผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรแม่จัน จ.เชียงราย ได้ทำหนังสือมาที่สำนักจัดการทรัพยากร ป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) เพื่อสอบถามความคืบหน้าการร้องทุกข์ดำเนินคดีกรณีทุจริตการบุกรุกพื้นที่สวนป่าพื้นที่แปลงปลูกป่าหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สลองแปลงปลูกป่า พ.ศ. 2513-2547 อ.แม่จัน ว่าหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องมีการร้องทุกข์ผู้ที่ถูกดำเนินคดีหรือไม่ เมื่อไหร่ มีผู้เสียหายเป็นใคร รวมทั้งมีผู้ใดหรือหน่วยงานไหนเป็นผู้ถูกกล่าวหาหรือไม่   และขอสำเนาหลักฐานการแจ้งความร้องทุกข์

 โดยรายชื่อผู้ที่สถานีตำรวจภูธรแม่จัน ทำหนังสือสอบถามเรื่องการดำเนินคดีนั้น ได้แก่ 1 .บริษัทไฮแลนด์ รีสอร์ท จำกัดและบริษัทไพน์เลคฮิลล์ จำกัด 2. นายบุญเลิศ เคลื่อนเพชร ที่ดินจ.เชียงราย สาขาแม่จัน 3. นายดำรง พิเดช ป่าไม้เชียงราย ในขณะนั้นปี 2540   4. นายพินิจ บัวแดง ป่าไม้จังหวัด ในขณะนั้นปี 2541   5. นายวิสิทธิ์ ถาวร ป่าไม้อ.แม่จัน ในขณะนั้น และ 6. นายสุเทพ ไชยนิลวงศ์ ป่าไม้แม่จัน  

 "ดำรงค์ ”ยันถูกดิสเครดิสสกัดเก้าอี้

 นายดำรงค์ พิเดช   รองปลัด ทส. ซึ่งถูกกล่าวหาเป็น 1 ในรายชื่อที่จะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีรุกป่าแม่สลอง และป่ากิ่วทัพยั้ง ให้สัมภาษณ์ว่า   เรื่องดังกล่าวได้รายงานให้นายสุวิทย์   ทราบทางวาจาแล้วว่าการออกเอกสารปลอมแปลงโฉนดที่ดินไม่เกี่ยวกับตนเลย เป็นเรื่องของที่ดินแม่จัน   แต่มีคนพยายามลากชื่อของตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องเพราะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2540 สมัยที่ยังเป็นป่าไม้จังหวัดเชียงราย   โดยการที่ตนมีรายชื่อ เพราะต้องเซ็นอนุมัติให้บริษัท เอกชน 2 รายเข้าร่วมโครงการส่งเสริมปลูกป่าเศรษฐกิจ ของกรมป่าไม้    ซึ่งตามระเบียบป่าไม้ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินปลูกป่าปี 2537 นั้นกำหนดคุณสมบัติว่าให้ผู้ที่จะเข้าโครงการนำเอกสารที่ดินหนังสือแสดงเอกสารสิทธิ์ในที่ดินมาแสดงขอรับการสนับสนุนไร่ละ 3 , 000 บาท และบริษัทนี้เขาก็มีเอกสารมาแสดงจริง ส่วนจะมีการตรวจสอบว่าปลอมแปลงโฉนดที่ดินหรือไม่นั้น เป็นคนละส่วน ตนเป็นผู้แค่เซ็นชื่อให้เข้าโครงการปลูกป่าเท่านั้น ถ้าไม่อนุมัติให้เข้าร่วมก็อาจจะถูกฟ้องร้องข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้   เพราะตอนนั้นเอกชนยังไม่ได้ถูกเพิกถอนโฉนดที่ดิน และในปัจจุบันก็ยังไม่ได้ถูกเพิกถอนด้วยซ้ำ

 “ ทุกครั้งที่จะมีการโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ของทส.โดยเฉพาะในช่วงเดือนก.ย. และทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล   เรื่องนี้จะถูกส่งถึงมือสื่อมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 3-5 ปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นการจงใจดิสเครดิตและสกัดเรื่องการแต่ง ตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ของทส.มากกว่า    ทั้งที่ผ่านมาก็ไม่เคยไปวิ่งเต้นอะไรแล้ว   และผมทราบตัวคนที่นำเรื่องนี้ออกมาเป็นอย่างดี   เพราะอยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดีเขาอยู่ในขั้นตอนของศาลอยู่ จึงไม่อยากพูดอะไรมาก ” นายดำรงค์ กล่าว