
สวนพฤกษศาสตร์เกียวโต
ศ.ระพี สาคริก
ก่อนหน้านั้นหลายปีฉันมีโอกาสเดินทางไปศึกษาวิชาสถิติที่กรุงนิวเดลลี ประเทศอินเดีย จำได้ดีว่าแต่ก่อนศูนย์ฝึกอบรมวิชาสถิติซึ่งมีองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติเป็นเจ้าของเคยตั้งอยู่ที่อาคารซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นวังพระองค์เจ้าอาทิตย์ ทิพยอาภา วังนี้ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟสามเสน ต่อมาภายหลังแขกมาดึงเอาไปทำที่สถาบัน “ปูซ่า” ซึ่งอยู่ในกรุงนิวเดลลี โดยมีด๊อกเตอร์สุคัดตะเม เป็นผู้อำนวยการ และตัวฉันเองก็เคยไปอยู่ที่นั่นเมื่อปี พ.ศ.2497 ซึ่งที่นั่นมีการสั่งอาจารย์วิชาสถิติมาจากมหาวิทยาลัยเคมบริจ ประเทศอังกฤษเพื่อมาให้การฝึกอบรม
ฉันคงไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้เพราะการไปอยู่ที่นั่นมีเรื่องแปลก ๆ ที่มันไม่ค่อยจะชอบมาพากลเท่าไหร่ แล้วไว้ค่อยเล่าให้ฟังในภายหลังน่าจะดีกว่า
ฉันไปอบรมวิชาสถิติอยู่ในสถาบันแห่งนี้ 4 เดือน พูดตามตรงว่าอดหัวโต เพราะแขกคุยว่าเอาอาหารจากภัตตาคารที่ดีเยี่ยมของกรุงนิวเดลลีมาให้รับประทาน ความจริงแล้วตัวภัตตาคารนั้นดีเยี่ยม แต่ตัวอาหารนั้นเป็นอาหารเหลือแทบจะมีแต่กระดูก แถมยังมีมันแพะลอยหน้าหนามากหวนกลับไปนึกถึงประเทศญี่ปุ่นต่อจะดีกว่า
บังเอิญมีนักวิชาการจากสถาบันในนครเกียวโต 2 คนไปรับการฝึกอบรมอยู่ที่นั่นด้วย คนหนึ่งชื่อด๊อกเตอร์กาโต อีกคนหนึ่งชื่อด๊อกเตอร์ชิกิ
คุณคิมูระรู้ว่าเรารู้จักนักวิชาการในสวนพฤกษศาสตร์ที่เกียวโตจึงได้ติดต่อนัดหมายให้ทั้ง 2 คนมารับเราและรับประทานอาหารอยู่ที่นั่น เราได้ไปชมการเลี้ยงมุขในอ่าวเมืองโกเบและเดินทางไปชมสถานที่สำคัญๆอีกหลายแห่งนับเป็นเวลาร่วม 2 สัปดาห์
หลังจากนั้นจึงขึ้นรถไฟหัวลูกปืน (ชินกันเซ็น) กลับมาแวะชมสวนพฤกษศาสตร์ของคุณวาตารุ คิมูระ ที่จังหวัดชิสุโอกะ เรารู้สึกตื่นเต้นพอสมควรเพราะเกิดมาก็ไม่เคยเห็นเอกชนทำสวนพฤกษศาสตร์กันอย่างเอาจริงเอาจัง แถมยังมีการร่วมมือร่วมใจกัน ใครได้พันธุ์ไม้ชนิดไหนมาก็จะนำมาแบ่งปันกัน และมีข้อมูลทางวิชาการพิมพ์ออกมาเผยแพร่ด้วย ฉันได้ไปเห็นในสวนพฤกษศาสตร์ของคุณคิมูระ มีพันธุ์มะละกอร่วม 10 พันธุ์ มีพันธุ์พู่แปลกๆไม่ต่ำ 7-8 พันธุ์ มีพันธุ์ทุเรียนอีก 5-6 พันธุ์ พันธุ์กล้วยอย่างหลากหลาย
นี่สิหวนกลับมาดูเมืองไทยแล้วปรากกว่าคนไทยดีแต่งมโข่ง ไม่โผล่หน้าไปดูเขาบ้างเลย อยู่ทางนี้ควบคุมห้ามส่งต้นผลไม้ออกไปต่างประเทศเพราะกลัวเขาจะไปปลูกแข่งกับเรา ฉันพูดหลายหนแล้วว่าถ้าญี่ปุ่นเอาไปปลูกแข่งกับเราก็เชิญเลย เพราะว่ามีแต่ไปตายกับตายลูกเดียว ทำไมไม่คิดย้อนกลับว่าเขาเอาไปปลูกให้คนของเขาดูเพื่อจะได้มาปลูกที่เมืองไทย
เดี๋ยวนี้คนต่างชาติมาทำเกษตรในเมืองไทยมากเท่าไหร่แล้ว อีกหน่อยกองทัพธรรมก็จะเข้ามาถือโดยอ้างว่าเขาจะมาคุ้มครองคนของเขาในเมืองไทยใช่หรือเปล่า หวนกลับไปกรุงเกียวโตอีกครั้งหนึ่ง อยู่มาวันหนึ่ง เราคุยว่าจะฉลอง 700 ปีเชียงใหม่ ผมได้ยินคนญี่ปุ่นพูดสวนกลับมาว่า “ของเขากรุงเกียวโต 1,500 ปี เขายังไม่ฉลองเลย” มันน่าอายไหม
กรุงเกียวโตมีศิลปินมือเยี่ยม ๆ หลายคน แม้แต่ศิลปินซึ่งทำงานเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผาคนของเขามีเตาเผาเครื่องปั้นอยู่ในห้องนอน ฝีมือการปั้นแต่ละชิ้น เขาจะเก็บขึ้นชั้นไว้ข้างฝาเพื่อแสดงถึงฝีมือการปั้นที่เก่าแก่มากๆ ฝีมือการปั้นแบบนี้เขาไม่ทำแบบที่มันคล้ายๆกับใส่พิมพ์เข้าไปแล้วก็เทออกมา แต่การปั้นด้วยมือนั้นย่อมมีลีลาที่ดูแล้วรู้ว่ามันเกิดจากจิตวิญญาณการปั้นที่ทำด้วยมือจริง ๆ!