คลังชงครม.กู้งวดแรก1.7พันล.ค่าปรึกษา-ออกแบบ รถไฟ‘ไทย-จีน’

 นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังพร้อมที่จะกู้เงิน เพื่อใช้ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย-จีน โดยได้บรรจุแผนเงินกู้เงินดังกล่าวไว้แล้วในปีงบประมาณ2561ซึ่งเต็มจำนวนที่ 1.7 แสนล้านบาท

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า การกู้เงินต้องดูตามความต้องการใช้เงิน สามารถกู้เงินได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ หรือถ้าจีนเสนอเงินกู้ต้นทุนถูกก็กู้จีนก็ได้ ตอนนี้การกู้เงินยังไม่ใช่ปัญหา สามารถกู้ได้ทันที หากกระทรวงคมนาคมต้องการใช้เงิน แต่ขณะนี้ ยังไม่เห็นแผนการใช้เงิน เพราะกระทรวงคมนาคมยังไม่ได้เสนอมายังกระทรวงการคลัง จึงยังบอกไม่ได้ว่าจะกู้เต็มจำนวน 1.7 แสนล้านบาท 

ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า หากมองถึงความคุ้มค่าในการลงทุน ก็คงไม่คุ้มค่าหากนับแค่ค่าตั๋วรถ ซึ่งมีคนบอกว่าต้นทุนแพงถึง1.7แสนล้าน แต่อยากให้มองทางด้านเศรษฐกิจ เพราะการมีรถไฟฟ้าถือเป็นการเชื่อมต่อเมือง ทำให้เกิดเมืองใหม่ จะไม่แค่กรุงเทพ หรือเชียงใหม่ จะทำให้การท่องเที่ยวในต่างจังหวัดดีขึ้น และเกิดการพัฒนา 2 ข้างทางที่รถไฟผ่าน และที่ดิน 2 ข้างทางนั้นเป็นของไทยเวนคืนมาไม่ได้ยกให้จีน ซึ่งความคุ้มค่าคงไม่ได้มีแค่ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ต้องมองในภาพรวม

“ประเทศไทยไม่ได้อยู่คนเดียว ไทยเป็นหนึ่งในประเทศต่างๆ เดิมทีรถไฟไทยจีน ก็แค่รถไฟไทยกับจีน แต่ถ้ามองว่า จีนมีการขยายขอบเขตการค้าการลงทุน ไปยังหลายประเทศทั่วโลก ทั้งแอฟริกา ลาตินอเมริกา และไทยเป็นหนึ่งในประเทศซีแอลเอ็มวี ไทยอยู่ตรงกลางของอาเซียน เป็นศูนย์กลาง ดังนั้น สามารถเชื่อมรถไฟหลายๆ ประเทศทั้งมาเลเซีย ทั้ง จีน ถือเป็นการวางแผนประเทศ ต้องคิดแบบนี้ ถ้าใครวิสัยทัศน์สั้นอย่ามาบริหารประเทศ”

นายสมคิด กล่าวต่อว่า การลงทุนดังกล่าวนั้น ไทยจ้างจีนแค่งานระบบ ส่วนงานไฟฟ้าที่เหลือเป็นการจ้างคนไทยทั้งหมด ที่ต้องเกิดในรัฐบาลชุดนี้ เพราะก่อนหน้าควรเริ่มตั้งแต่ 2 รัฐบาลก่อน แต่เริ่มกันไม่ได้ เมื่อรัฐบาลชุดนี้ ต้องทำตามในสิ่งที่ต้องทำ และสิ่งที่พูดไว้ และในการพัฒนาต้องเริ่มเมื่อทำได้ อย่างชินคันเซน สร้างมาแล้ว 50 ปี ช่วงแรกคนใช้บริการน้อย แต่ต่อมามีคนมาใช้บริการมากขึ้น ในขณะที่ถ้าเทียบกับไทยล้าหลังเขาไปเกือบ 100 ปี