
สันธนะได้ประกันตัวไม่ถึง1ชม.โดนตร.จับอีก
ตำรวจนำตัว "สันธนะ ประยูรรัตน์" พร้อมพวกรวม 8 คน ยื่นขอฝากขังต่อศาล จ.เชียงราย ซึ่งศาลให้ประกันตัวแต่ไม่ถึง1ชั่วโมงโดนตร.จับอีก น้องชายโวยด่านตำรวจเชียงรายกลั่นแกล้งหาเหตุหน่วงเหนี่ยวขบวนรถพี่ชาย
เมื่อวันที่ 14 ก.ย.2552 พ.ต.ต.วิชัย ไชยอิ่นคำ สารวัตร สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย เจ้าของคดีกรณีตำรวจตระเวณชายแดนที่ 327 ที่ได้จับกุมพ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.ตำรวจสันติบาล 2 พร้อมพวกรวม 8 คน ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้มีอาวุธปืนและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ตามสมควรแก่พฤติการณ์ มีวิทยุโทรคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังก่อเหตุพกพาอาวุธปืนสั้นกว่า 5 กระบอกพร้อมกระสุน วิทยุสื่อสารและอื่นๆ หลายรายการ ไปกับรถยนต์ 2 คัน บริเวณจุดผ่อนปรนบ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน เขตสามเหลี่ยมทองคำชายแดนไทย-พม่า-สปป.ลาว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในวันนี้ (14 ก.ย.) พนักงานสอบสวนได้นำตัว พ.ต.ท.สันธนะ พร้อมพวกไปยื่นขอฝากขังต่อศาล จ.เชียงราย โดยมีกำลังจาก ตชด.327 พร้อมอาวุธครบมือดูแลรักษาความปลอดภัยไปตลอดรายทาง เนื่องจากถือเป็นบุคคลที่เคยถูกคนร้ายยิงถล่มมาแล้ว รวมทั้งเกี่ยวข้องกับอีกหลายคดี จึงเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายระหว่างทาง
อย่างไรก็ตาม การฝากขังดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก พ.ต.อ.สุธรรม ชาติอาษา ผกก.สภ.เชียงแสน ได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนไปก่อนหน้านี้แล้ว และจากการสอบปากคำบุคคลทั้ง 8 คน รวมทั้ง พ.ต.ท.สันธนะ ปรากฎว่า ทั้งหมดไม่ยอมรับฟังข้อกล่าวหาและยืนยันจะไปให้การในชั้นศาล โดยเฉพาะ พ.ต.ท.สันธนะ อ้างว่าไปทำงานภาคประชาชนหลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า มีการข้ามเข้าออกไปเล่นการพนันในบ่อนกาสิโน ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านบริเวณสามเหลี่ยมทองคำนอกเวลาที่ทางราชการกำหนด
รวมทั้งอ้างว่า อาวุธปืนทั้งหมดมีใบอนุญาตครอบครอง และได้ให้ทนายความนำไปยื่นต่อพนักงานสอบสวนแล้ว อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังยืนยันดำเนินคดีตามเดิมเนื่องจากวันเกิดเหตุไม่มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง และยังต้องสงสัยว่า มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยส่อว่าจะไปเรียกรับเงินจากคนเข้าออกชายแดนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางตำรวจ สภ.เชียงแสน ได้นำรถยนต์บรรทุกผู้ต้องหาไปยังศาล จ.เชียงราย โดยทาง พ.ต.ท.สันธนะ ยังคงใส่เสื้อสีแดงตัวเดิมและยังมีท่าทางมั่นใจพร้อมทั้งโบกไม้โบกมือให้กับผู้สื่อข่าวที่ไปรอทำข่าวอยู่บริเวณประตูทางเข้าศาลอย่างคึกคัก อย่างไรก็ตามศาล จ.เชียงราย ไม่อนุญาตให้มีการเข้าไปถ่ายภาพภายในอาณาเขตของศาล
ด้าน พ.ต.อ.สุธรรม ยังคงยืนยันว่าในการฝากขังของศาล แม้ทาง พ.ต.ท.สันธนะ จะขอประกันตัวในชั้นฝากขังก็จะยื่นขอคัดค้านการประกันตัวตามไปอีกด้วย เพราะสงสัยว่าด้วยพฤติกรรมและของกลางทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับคดีอื่นๆ ด้วยหรือไม่
สันธนะได้ประกันตัวไม่ถึง1ชม.โดนตร.จับอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจากศาล จ.เชียงรายว่า ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 14 ศาล จ.เชียงราย ศาลได้ออกพิจารณากรณีตำรวจ สภ.เชียงแสนจับกุมตัว พ.ต.ท.สันธนะ พร้อมพวกรวม 8 คน ไปทำการขอฝากขังและคัดค้านการประกันตัวที่ศาล ซึ่งศาลพิจารณาให้ทั้งหมดสามารถประกันตัวออกมาสู้คดีได้
ทั้งนี้ทาง พ.ต.ท.สันธนะ ได้นำโฉนดที่ดินของมารดาที่กรุงเทพฯ ซึ่งกรมที่ดินได้ประเมินราคาเอาไว้ที่ประมาณ 1 ล้านบาท และทำการประกันตัวตนเองและพรรคพวกทั้งหมดออกไป ซึ่งศาล จ.เชียงราย ได้อนุญาตให้โดยดี จากนั้น พ.ต.ท.สันธนะ พร้อมพรรคพวกและทีมทนายความได้เดินทางออกไปจากศาลอย่างรวดเร็วคาดว่าทั้งหมดจะเดินทางกลับไปยังกรุงเทพฯเพื่อเตรียมตัวสู้คดีต่อไป ทำให้ พ.ต.ท.สันธนะ รอดตัวจากการต้องนอนในเรือนจำไปอย่างหวุดหวิดหลังจากคืนก่อนต้องนอนในห้องขังของ สภ.เชียงแสนมาแล้ว 1 คืน
อย่างไรก็ตามล่าสุดตำรวจ จ.เชียงราย นำหมายศาลของศาลแพ่งจับกุมตัว พ.ต.ท.สันธนะ อีกครั้ง ในข้อหาละเมิดคำสั่งศาล หลังได้รับการประกันตัวในคดีก่อนหน้านี้ไม่ถึง 1 ชั่วโมง
น้องโวยด่านตำรวจเชียงรายกลั่นแกล้ง
พ.ต.ท.สันติ์นที ประยูรรัตน์ น้องชายพ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ นายตำรวจนอกราชการ เปิดเผยว่า หลังจาก พ.ต.ท.สันธนะ ได้เสียค่าปรับและทาง สภ.เชียงแสน ได้คืนรถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ สีดำ ทะเบียน ศม-7660 กทม. และรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ ทะเบียน ศก-4774 กทม. ได้ให้ลูกน้องขับรถทั้งสองคันกลับกรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าระหว่างทางได้ถูกด่านตำรวจเรียกตรวจทุกด่าน โดยทุกแห่งมีการตรวจที่ผิดปกติ คือ มีลักษณะเป็นการหน่วงเหนี่ยวประวิงเวลาหาเหตุกลั่นแกล้งให้เดินทางล่าช้า โดยเชื่อว่าอาจมีคำสั่งให้ตรวจสอบรถทั้งสองคัน
สำหรับรถทั้งสองคันถูกตรวจสอบมาอย่างละเอียดและไม่มีสิ่งผิดกฏหมาย แต่การหน่วงเวลาให้เดินทางล่าช้าจนต้องเดินทางเวลากลางคืนอาจไม่ปลอดภัย เพราะอาจถูกกลั่นแกล้งในรูปแบบต่างๆ ซึ่งตำรวจเองน่าจะรู้ดี ทำให้เป็นห่วงว่าอาจถูกยัดเยียดของผิดกฏหายโดยไม่รู้ตัวได้
พ.ต.ท.สันติ์นที ยอมรับว่าที่ผ่านมาพี่ชายอาจอยูในวงการสีเทามาก่อน ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ได้รับมอบหมายลงพื้นที่หาข้อมูลเพื่อรายงานกับผู้บังคับบัญชา แต่การเดินทางลงพื้นที่ทำให้กลุ่มผลประโยชน์ ซึ่งโยงใยระหว่างธุรกิจกาสิโนกับกลุ่มการเมืองฝั่งตรงข้ามกับพี่ชายใช้อำนาจรัฐกลั่นแกล้งให้พ้นจากพื้นที่