พระราชธรรมเมธี ถวายพระธรรมเทศนา เรื่อง "สันตุฏฐิกถา”

      วันที่ 22 มิถุนายน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้คณะบุคคลและองค์กรต่างๆ ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายเป็นพระราชกุศล   โดยเวลา 10.00 น. พล.อ.สายมิตร กัลยาณมิตร สกุลกัลยาณมิตร เป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศลและถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 10 รูปจากวัดโค้งสนามเป้า วัดทองทั่ว วัดศรีเมือง  จ.จันทบุรี, วัดเขาแก้ว จ.เชียงราย, วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กทม., วัดพระวรราชาทินัดดามาตุ จ.เพชรบูรณ์, วัดน้ำพริก จ.พิษณุโลก, วัดบ้านห้วยน้ำขาว จ.กาญจนบุรี ที่สวดพระพุทธมนต์ อุทิศถวายพระบรมศพ  นอกจากนี้ยังพีธีบำเพ็ญกุศลในเวลา 14.30 น.,17.00 น.และ 19.00 น.
      

        ในการนี้ เจ้าพนักงานนิมนต์ พระราชธรรมเมธี วัดโค้งสนามเป้า จ.จันทบุรี ถวายพระธรรมเทศนาเรื่อง “สันตุฏฐิกถา” ใจความโดยย่อว่า สนฺตุฏฐี ปรมํ ธนํ แปลความว่า ความสันโดษเป็นบรมทรัพย์ คือ ทรัพย์อันยอดเยี่ยม ถ้าอธิบายย่อความให้กระชับเข้าก็คือ รู้จักพอนั่นเอง คำว่าพอนั้นได้แก่ พอเหมาะพอควรแก่ตน มิได้หมายความว่าพอแล้วไม่ต้องการอีก แต่หมายความว่าพอแก่ฐานะของตน พอแก่หน้าที่ของตน พอแก่ความสามารถของตน พอแก่บุญวาสนาของตน คือให้รู้จักตนและรู้จักประมาณของตน ให้รู้ว่าตนเป็นเพียงคนชั้นนี้ มีเพียงเท่านี้ กินอยู่หลับนอนใช้สอยเพียงนี้ก็พอสมควรแล้ว         
        ความสันโดษนี้ใช้ได้ในชนทุกระดับชั้น ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูง ชั้นกลาง ชั้นต่ำ เป็นธรรมตัดความกังวลในโลภเจตนา กันอิจฉาริษยาในลาภยศของผู้อื่น ไม่เพ้อ ไม่เย่อหยิ่งในลาภยศความได้ความมีของตน เป็นธรรมตัดความกังวลความเดือดร้อนได้ทุกหน้าที่ คนทุกอาชีพควรทำความรู้สึกว่า การงานเหล่านั้นเป็นหน้าที่ของตน จำเป็นอย่างยิ่งที่ตนจะต้องทำความยินดีความพอใจในการงานนั้นๆ อย่างนี้ก็นับว่ามีความสันโดษได้ทั้งนั้น ยกเว้นการงานมีโทษ การประพฤติไม่ดีเช่นนี้เชื่อว่า เป็นผู้ขาดสันโดษ คือขาดความยินดีต่อการงานในหน้าที่ของตน จัดเข้าในพวกเป็นคนจน เป็นอัปปมงคลจะหาความสุขกายสบายใจไม่ได้ ผู้มีปัญญาควรหลีกเลี่ยงเว้นความชั่วเหล่านี้เสีย ควรยินดีแต่การงานไม่มีโทษจึงนับเข้าในบุคคลผู้มีความสันโดษแล