เมื่อ “กิเลน” เสริมทัพใหญ่ กับการเดิมพันแชมป์ไทยลีก

ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องปฏิบัติประจำของ “เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด” ไปซะแล้วที่แต่ละปีจะต้องมีดีลใหญ่ๆเกี่ยวกับการดึงนักฟุตบอลระดับสตาร์มาร่วมทีม โดยเฉพาะผู้เล่นทีมชาติไทย หลังช่วงพักเลกดีลใหญ่เรื่องแรกคือการคว้าตัว 4 ดาวดังคือสามผู้เล่นดีกรีทีมชาติไทยอย่าง สิโรจน์ ฉัตรทอง, ประกิต ดีพร้อม, ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร และอีกหนึ่งนักเตะต่างชาติคือเลอันโดร อัสซัมเซา

แต่ทีมกิเลนผยองก็ไม่หยุดยั้งเพียงเท่านี้ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาก็จัดการเปิดตัว “ชาริล ชัปปุยส์” กองกลางคนดัง จากทีมสุพรรณบุรี เอฟซี เป็นที่เรียบร้อยหลังจากตกเป็นข่าวพัวพันกันมานานระหว่างดาวเตะลูกครึ่งไทย-สวิสเซอร์แลนด์กับทีมดังย่านนนทบุรี ตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว

การเสริมทัพอย่างมโหฬารอีกครั้งในช่วงเลกที่สองของเมืองทองฯครั้งนี้ย่อมเป็นการตอกย้ำว่า ต้องการที่จะป้องกันแชมป์ไทยลีกให้ได้ หลังจากที่สถานการณ์ในลีกล่าสุดตกไปอยู่อันดับสองของตารางมี 38 คะแนน ตามหลังจ่าฝูงคือบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2 คะแนนด้วยกัน

 

การจากไปของ “ชนาธิป”

อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ลงทุนดึงตัวผู้เล่นชื่อดังมามากมายครั้งนี้นั่นคือการจากไปของ “ชนาธิป สรงกระสินธ์”  แนวรุกตัวสำคัญที่ย้ายไปค้าแข้งกับคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ในเจลีก ของญี่ปุ่น

ที่ผ่านมาชนาธิป เป็นผู้เล่นที่กำหนดบทบาททิศทางเกมรุกของเมืองทองฯ มาโดยตลอดทั้งในเกมในประเทศและในระดับสโมสรเอเชีย เรียกได้ว่า “ขาดเจเหมือนขาดใจ” แต่เมื่อไม่มีเจแล้วสโมสรคงไม่ยอมขาดใจตายอย่างแน่นอน

ผู้เล่นที่นำมาเสริมทีมคุณสมบัติอาจจะไม่เหมือนกับชนาธิปแต่ก็เป็นระดับแนวหน้าของประเทศ ดังน้นเมื่อวัตถุดิบดิบเปลี่ยนไปจึงอยู่ที่พ่อครัวใหญ่อย่าง “ธชตวัน ศรีปาน” ว่าจะปรุงแต่งเมืองทองออกมาอย่างไรในช่วงเกมที่เหลือของเลกสอง

ซึ่งบรรดาแฟนบอลและสื่อมวลชนต่างให้ความสนใจคือการแข่งขันขับเคี่ยวตัวจริงในแดนกลางของทีม 

จากแผน “โค้ชแบน” ใช้ประจำคือ 4-3-3 หรือ 4-2-3-1  โดยพิจารณาจากผู้เล่นกองกลางที่มีอยู่คือวัฒนา พลายนุ่ม, อี โฮ, รัชพล นาวันโน, ประกิต ดีพร้อม, ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร,ชาริล ชัปปุยส์ สองดาวรุ่งอย่าง ศนุกรานต์ ถิ่นจอม และ สรวิทย์ พานทอง เป็นตัวเลือกอยู่แล้ว นอกจากนี้ สารัช อยู่เย็น ที่ดูเหมือนอาการบาดเจ็บทุเลาลงเรื่อยๆและมีโอกาสจะกลับมาคืนสนามได้ก่อนจบฤดูกาล ยังไม่รวมไปถึง เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส ที่เล่นในลักษณะหน้าต่ำและกองกลางตัวรุกได้ดี

 

ทิศทางและรูปแบบการเล่น

มีการคาดการณ์และเดาใจธชตวัน ทั้งสื่อ แฟนบอลและโซเชียลมีเดียในการจัดทัพ โดยถ้านำเอาเงื่อนไขของคนที่จะเล่นทดแทนชนาธิปได้อย่างเหมาะสม และถือว่ามีสไตล์การเล่นที่มีบทบาทใกล้เคียงกัน คนแรกคือ “ประกิต ดีพร้อม” ธรรมชาติของประกิต คือ  คือ  มิดฟิลด์ตัวรุก (Advanced Playmaker) สามารถเล่นเป็นมิดฟิลด์กลางสนาม มิดฟิลด์ตัวรุก หรือแม้แต่กองหน้าที่เล่นออกไปทางปีกก็ได้มักจะยืนระหว่างกองกลางกับกองหลังของฝั่งตรงข้ามคอยหาจังหวะให้เพื่อนร่วมทีมส่งบอลมาให้และเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุกในทันที  แต่อย่างไรก็ตามข้อเสียของประกิตที่เห็นได้ชัดตั้งแต่ย้ายออกจากทีโอที มาร่วมทีมใหญ่อย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จนไปถึง ชลบุรี เอฟซี คือความไม่สม่ำเสมอในการเล่น แม้จะมีช่วงที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมหลายนัดกับต้นสังกัดเดิม แต่ก็มีหลายนัดที่หายไปซะเฉยๆตลอดทั้งเกม อีกทั้งมักผิดพลาดในจังหวะสำคัญที่เป็นจะหวะชี้เป็นชี้ตายของเกมอยู่บ่อยครั้งทั้งการจ่ายบอล และการทำประตู ดังนั้นคาดว่าการมาอยู่เมืองทองของประกิตจึงน่าจะอยู่ในบทบาทของอะไหล่ และผู้เล่นที่เปลี่ยนมาสร้างความแตกต่างให้ทึมมากกว่าจะเป็นตัวหลักในแนวรุก

คนที่สองคือ “เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส” อดีตดาวเตะของราชบุรีที่กลับมาจากซาอุดิอาระเบียและมาร่วมทีมเมืองทองฯตั้งแต่เลกแรกแต่ยังไม่สามารถส่งลงสนามได้ ตำแหน่งของแฮแบร์ตี้ จะเป็นลักษณะกองหน้าตัวต่ำ (Deep-Lying Forward)  แม้ว่าอาจจะไม่ได้คล่องแคล่วชั้นเชิงสูงหรือมีลูกจ่ายที่เด็ดขาดเหมือนชนาธิป แต่ดาวเตะบราซิลรายนี้ก็มีความสามารถที่ครบเครื่อง ลงมารับบอลลึกถึงแผงกองกลาง แล้วส่งต่อให้คู่กองหน้าทำประตู หรือยืนบังบอล คอยทำชิ่งกับแผงกองกลาง เพื่อให้กองกลางสอดขึ้นมายิง รวมไปถึงทำประตูได้เอง

แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนทั้งโค้ชแบนและทีมบริหารต่างคาดหวังเฮแบร์ตี้ ในเรื่องการทำประตูมากกกว่าการทำเกม ด้วยผลงานการันตีรางวัลดาวซัลโวไทยลีกปี 2014

สำหรับคนที่สามคือ “ชาริล ชัปปุยส์” ความจริงแล้วชัปปุยส์ ไม่ใช่ผู้เล่นที่เป็นแนวรุกโดยตรง (สมัยเล่นกับทีมชาติสวิสเซอร์แลนด์เป็นกองหลังด้วยซ้ำ)  แต่จุดเด่นคือไหวพริบและเซนส์การเล่นที่ยอดเยี่ยม หากอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และท็อปฟอร์มอยางเช่นในปี 2014 เมืองทองจะได้รูปแบบแดนกลางที่เปลี่ยนไป เพราะชัปปุยส์ สามารถเป็นในทั้งตัวสนับสนุน เชื่อมเกม ปั้นเกม การสอดขึ้นมาทำประตูหรือแม้กระทั่งเกมรับพูดง่ายๆก็คือเล่นกับใครหรือรูปแบบใดก็ได้

แต่ปัญหาสำคัญของดาวเตะขวัญใจแม่ยกก็คงหนีไม่พ้นปัญหาอาการบาดเจ็บที่เรื้องรังมาตลอดสองปี ส่งผลให้ฟอร์มการเล่นและสภาพร่างกายตกลงอย่างน่าใจหาย ซึ่งบรรดาแฟนกิเลนผยองก็หวังว่าชัปปุยส์จะกลับมาฟิตเปรี๊ยะและกลับมาสำแดงฟอร์มได้เหมือนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

 

ในช่วงเลกแรกของไทยลีกปัญหาใหญ่ของเมืองทองฯที่ประสบมาโดยตลอดคือการที่มีผู้เล่นทีมชาติมากจนล้นทีม นักเตะจึงแทบไม่ได้พักเพราะต้องกรำศึกติดต่อกันทั้งการรับใช้สโมสรและทีมชาติ ยังไม่รวมเกมระดับสโมสรเอเชีย (ยังดีที่ตกรอบไปแล้ว) ขณะที่ผู้เล่นที่สลับเปลี่ยนหมุนเวียนก็ยังไม่สามารถทดแทนกันได้

ตอนนี้ปัญหาเรื่องขนาดทีมน่าจะสามารถแก้ไขได้แล้ว เหลือเพียงแต่จะทำอย่างไรให้ผู้เล่นที่ดึงมาใหม่เล่นได้ตามที่ทุกคนคาดหวัง