เลือกนายกเล็กเมืองเชียงใหม่ร้อน"บูรณุปกรณ์"ส่งป้า-หลานร่วมชิงชัย

 จำนวนผู้สมัครชิงชัยทั้งหมด 10 คน เรียงตามหมายเลข ร.อ.หญิง เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่,นายทัศนัย บูรณุปกรณ์, นพ.เพทาย เตโชฬาร, นายวัลลภ แซ่เตี๋ยว, นายวิชัย วงศ์ไชย, นายพรชัย จิตรนวเสถียร, นางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงษ์, นางอารีย์ อุดมศิริธำรง, นายบารมี พจนามธุรส และนายเทพโยธินฐ ไชยรัตน์

  เลือกตั้งนายกเล็กเชียงใหม่ครั้งนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นกับการเมืองท้องถิ่น จากเดิมที่พรรคการเมืองใหญ่คอยหนุนอยู่เบื้องหลัง กลับมาหงายไพ่เปิดหน้าส่งนอมินีลงสมัครแบบไม่มีกั๊ก 

 เปิดรับสมัคร 3 กันยายน วันแรกจึงปรากฏภาพของ นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ สวมเสื้อแดงลงสมัครมาพร้อมกองเชียร์หลายร้อยคนที่นำโดยแกนนำกลุ่ม "รักเชียงใหม่ 51" โดยมี ส.ส.เพื่อไทยอีกหลายคน เดินทางไปให้กำลังใจกันพร้อมเพรียง

 ชั่วโมงนี้ "รองไก่" นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ หลานชายนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ผู้สมัครหมายเลข 2 ร้อนแรงเป็นเต็งหนึ่ง แถมยังมาไม่บอกล่วงหน้าทำเอาผู้สมัครคู่แข่งถึงกับมึนตามเกมไม่ทัน

 ด้วยวัยอายุ 35 ปี นายทัศนัยจึงเป็นผู้สมัครที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาผู้สมัคร แต่นายทัศนัยก็ถือว่ามีประสบการณ์ในเวทีการเมืองไม่น้อย โดยเคยเป็น ส.ท.เทศบาลนครเชียงใหม่ กลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ของญาติผู้ใหญ่นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ กระทั่งนายบุญเลิศได้นั่งเป็นนายก อบจ.เชียงใหม่ จึงดึงหลานชายนั่งรองนายก อบจ.เชียงใหม่ เป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนลงสมัครครั้งนี้ 

 ความเป็นสมาชิกครอบครัวการเมืองในตระกูล "บูรณุปกรณ์" แห่งพรรคเพื่อไทย มีญาติผู้ใหญ่เป็นนักการเมืองทั้งนายกเทศมนตรีตำบลช้างเผือก อดีต ส.ส.และนายก อบจ. ทำให้นายทัศนัยมีฐานคะแนนเสียงดั้งเดิมที่ให้การสนับสนุนตระกูล "บูรณุปกรณ์" เป็นต้นทุน โดยเฉพาะมวลชนของพรรคเพื่อไทย ขณะที่ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงหนุนเต็มที่ ปัจจัยบวกทั้งหมดทำให้นายทัศนัยถูกคาดหมายเป็น "ว่าที่นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่" อันดับ 1

 ส่วน "เจ๊ปุ๊ย" นางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงษ์ อดีตรองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และเลขานุการนายก อบจ.เชียงใหม่ เต็ง 2 มีคะแนนในกระเป๋าไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มสตรีในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ และฐานเสียงเก่าแก่ของกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม นางวิภาวัลย์เดินเกมการเมืองด้วยการลงพื้นที่เช็กเรตติ้งเรียกคะแนนตั้งแต่ ร.อ.หญิง เดือนเต็มดวง ยังอยู่ในตำแหน่ง

 ด้วยความขยันลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องทำให้ก่อนหน้านี้นางวิภาวัลย์ถูกมองเป็นตัวเต็งอันดับ 1 แต่หลังจากนายทัศนัยลงสมัคร ทำให้นางวิภาวัลย์ต้องปรับแผนเพิ่มความถี่ลงพื้นที่ เพราะรู้ดีว่าฐานคะแนนของตัวเองคือกลุ่มรากหญ้าในชุมชนเป็นกลุ่มเดียวกันกับของนายทัศนัย 

  ด้าน นายวัลลภ แซ่เตี๋ยว นักธุรกิจคนดัง เจ้าของนโยบายลดแลกแจกแถม "ปาตรงเป้า 8+1" ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 3 และมีลุ้นไม่น้อยเพราะเลือกชูนโยบายที่จับต้องได้มากที่สุด ทั้ง ประปาฟรี อินเทอร์เน็ตทั่วเมือง ค่าไฟหารสอง พักหนี้ โรงจำนำ ฯลฯ ซื้อใจคนเมืองเต็มๆ โดยตั้งเป้าเลือกเป้าหมายจากชนชั้นกลางและคนรุ่นใหม่ และกลุ่มที่เบื่อหน่ายกับการเมืองแบบเก่าที่มีการผูกขาด หลังสำรวจดูแล้วพบว่าคนกลุ่มนี้มีจำนวนมากพอๆ กับกลุ่มคนในชุมชนฐานคะแนนของผู้สมัครคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับพลังเสื้อแดงของนายทัศนัยและกลุ่มคะแนนจัดตั้งใน 4 แขวง ของนางวิภาวัลย์ คงจะสู้ได้ยาก

  ขณะที่ "ดร.แป้ง" ร.อ.หญิง เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ อดีตผู้บริหารสภาเจดีย์ขาว สมัยล่าสุด ที่จำต้องสละเก้าอี้จากคำสั่งศาลปกครองในกรณีขาดคุณสมบัติ แถมยังเสียคะแนนนิยมกับคลิป คนหน้าเหมือนซ้ำกับคลิปฉาว คราวนี้กลับมาลงสมัครทวงตำแหน่งคืนอีกครั้ง แต่หยั่งกระแสดูแล้วคราวนี้จะหวังคะแนนจากกลุ่มคนรุ่นใหม่เหมือนครั้งก่อนได้ยาก เพราะคะแนนนิยมลดฮวบไปมากจากมรสุมชีวิตที่ผ่านมา ซึ่ง ดร.แป้ง ก็รู้ดี แต่ยังขอโอกาสกลับไปสานงานเก่าที่คั่งค้างต่อ

 เลือกตั้งครั้งนี้ ดร.แป้ง หวังดึงคะแนนสงสารจากกลุ่มสตรีในชุมชน คนทำงาน และนักศึกษา ในภาพของนักการเมืองหญิงผู้ถูกรังแก แต่รอบนี้คงยาก หากชนะคงหืดขึ้นคอ!

 อีกรายที่ประมาทไม่ได้คือ นพ.เพทาย เตโชฬาร หรือ "หมอตง" เจ้าของคลินิกดัง "สวนดอกคลินิก" ชื่อของหมอตงอาจไม่เป็นที่รู้จักในแวดวงการเมืองมากนัก แต่ใช่ว่าจะไร้ประสบการณ์ เพราะก่อนหน้านี้หมอตงเคยเป็น ส.ท.กลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ในแขวงศรีวิชัย และแขวงกาวิละ และยังเป็นรองประธานสภาเทศบาลนครเชียงใหม่มาก่อน จึงยังคงมีฐานคะแนนเสียงอยู่บ้าง แต่ต้องลุ้นวันเลือกตั้งว่าจะเหลือมากน้อยเท่าไหร่

 ส่วนผู้สมัครคนอื่นๆ จะเรียกว่าไม้ประดับก็คงเรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะแต่ละคนล้วนมีประสบการณ์ ทั้ง นายพรชัย จิตรนวเสถียร นักธุรกิตดัง อดีตรองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และ นางอารีย์ อุดมศิริธำรง พี่สาวของนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตถึงการลงสมัครแข่งกันเองกับทัศนัยผู้เป็นหลาน แต่เชื่อว่านางอารีย์ถูกวางเป็นตัวสแปร์ในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ขณะเดียวกันนางอารีย์ยังต้องการสั่งสมประสบการณ์ทางการเมืองไว้ใช้ในการเลือกตั้งในอนาคต

 ช่วงเวลา 1 เดือน ของการหาเสียงนับเป็นการขับเคี่ยวทางการเมืองที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งในศึกเลือกตั้งเมืองเชียงใหม่ และช่วงค่ำวันที่ 4 ตุลาคม วันหย่อนบัตรใช้สิทธิ์ จะเป็นบทพิสูจน์และเป็นคำตอบว่าคนเชียงใหม่เลือกอนาคตของตัวเองไปในทิศทางใด!!!  

เอกพงศ์ ประดิษฐ์พงษ์