
กอดจูบในที่สาธารณะ..."วัยรุ่น" คิดยังไง??
จากดราม่า "ครูลิลลี่" สู่ข้อถกเถียง..วัยรุ่นกอดจูบในที่สาธารณะ 'สิทธิ'กับ'ความเหมาะสม' !!??
กระแสดราม่าอีกหนึ่งประเด็นบนโลกออนไลน์ คือกรณี'ครูลิลลี่ 'ครูสอนภาษาไทยชื่อดัง ถ่ายภาพชายหญิงคู่หนึ่งที่ยืนแนบชิดติดกัน อยู่บนรถไฟฟ้าบีทีเอส จากนั้นได้นำไปโฟสต์บนเฟสบุ๊คส่วนตัวเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยเขียนแคปชั่นว่า “พี่ไปซื้อปากกาที่บีทีเอสก่อนมาสอน พี่อยากจะสอนลูกหลานว่า รักกันไม่ผิดนะลูก แต่ขอให้ดูกาละเทศะ” ก่อนจะถูกสังคมออนไลน์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงการไม่เห็นด้วยเรื่องการแอบถ่าย และละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น
คนที่วิจารณ์ในทางไม่เห็นด้วย ตั้งคำถามว่า การที่'ครูลิลลี่'แอบถ่ายแล้วนำไปโพสต์นั้น จะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตามมีความคิดเห็นอีกด้านที่เข้ามาให้กำลังใจครูลิลลี่ เพราะเห็นว่ามีความต้องการที่จะเตือนวัยรุ่นยุคนี้ให้คำนึงถึงจารีตประเพณีไทย
จากนั้น'ครูลิลลี่'ได้มีการลบโพสต์ดังกล่าวออก ก่อนจะเขียนโพสต์ใหม่ในวันเดียวกัน โดยเนื้อหาแสดงถึงการขอโทษในความผิดพลาดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าน้อมรับทุกคำวิจารณ์ และขอให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนเตือนสังคม ถึงความรอบครอบในการโพสต์ภาพและข้อความบนโลกออนไลน์
นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้ความเห็นถึงกรณีที่เกิดขึ้น โดยในเรื่องของการแสดงความรักของวันรุ่นในที่สาธารณะนั้น นางอังคณา มองว่าแม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องของสิทธิส่วนตัวของบุคคล แต่ก็ทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้พบเห็น มีทั้งบุคคลทั่วไป รวมถึงเด็กและเยาวชนด้วย
“ไม่ใช่ว่าจะแสดงออกไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรทำดีกว่า ถือว่าขัดกับวัฒนธรรมไทย ถ้าจะทำขอให้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เพราะจะได้ไม่กระทบสังคม ตัวเอง และครอบครัว ”
กรณีแอบถ่ายภาพแล้วนำไปโพสต์ในโลกออนไลน์ จะเข้าข่ายการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ นางอังคณากล่าวว่า ถือเป็นการละเมิดและยังเป็นการผลิตซ้ำ นำไปเผยแพร่ออกไปให้สาธารณะได้รับรู้เรื่องนี้อีกครั้ง เพราะในที่สาธารณะเองก็ยังมีเด็กเยาวชนที่จะสามารถเห็นภาพเหล่านั้นได้ เช่นเดียวกันกับในทีวี ก็ยังจำกัดช่วงอายุในการเข้าเข้าดูแต่ละรายการ
“หากมีการพบเห็นในลักษณะนี้ให้เข้าไปเตือน ดีกว่านำไปโพสต์ให้เกิดความเสียหาย หรือเมื่ออยู่ในที่สาธารณะให้แจ้งเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปตักเตือน” กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าว
นางสาวกมลชนก บุญเพ็ง นักศึกษา ให้ความเห็นในเรื่องที่วัยรุ่นแสดงออกถึงความรักในที่สาธารณะว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เธอกล่าวว่า ไม่เหมาะสม เพราะการที่วัยรุ่นไทยมายืนกอด หรือ หอมกันในที่สาธารณะนั้น มันไม่ควรทำอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นที่จับตามองของคนในสังคมด้วย
“หากเป็นตัวเองก็จะไม่ไปยืนในที่สาธารณะ เพราะก็อายเป็น เข้าใจว่าวันรุ่นเมื่อเป็นแฟนกันก็อยากจะแสดงออกถึงความรักที่มีต่อกันบ้าง แต่บางครั้งก็ไม่ควรแสดงในที่โจ่งแจ้งจนเกินไป”
กมลชนก บุญเพ็ง
ในเรื่องของการละเมิดสิทธิของคู่รักที่ถูกถ่ายภาพแล้วนำไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์นั้น นางสาวกมลชนกกล่าวว่า ก็เหมือนเป็นการละเมิดสิทธิส่วนหนึ่ง แต่อีกมุมก็คิดว่าเขาคงต้องการจะสะท้อนมุมมองบางอย่างของวัยรุ่นไทย และถ้าการกระทำของวัยรุ่น 2 คนนี้อยู่ที่ต่างประเทศ แน่นอนว่าเขาสองคนไม่ผิด
ดังนั้น คนที่เป็นวัยรุ่น ต้องเข้าใจด้วยว่า ที่นี่เป็นประเทศไทย วัฒนธรรมคือสิ่งสำคัญที่สุด
นางสาวอรสา อ่ำบัว นักศึกษา ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า การกอดกันของหนุ่มสาวในที่สาธารณะนั้น ถ้ามันไม่ได้ทำผิดกฎหมายแบบอนาจารก็ไม่น่าจะเป็นอะไร
เธอ ยังมองต่างว่า มันเป็นการแสดงความรักสากล ที่ไม่ว่าวัยไหนก็สามารถแสดงออกได้ แต่เรื่องจูบในที่สาธารณะสำหรับประเทศไทยคงยังไม่ยอมรับ เพราะค่านิยม หรือการปลูกฝังให้ผู้หญิงไทยรักนวลสงวนตัว แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เรารับค่านิยมต่างประเทศมากเยอะเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เรื่องกอดกันมันรู้สึกว่าธรรมดา
อรสา อ่ำบัว
ส่วนกรณี'ครูลิลลี่' ที่นำภาพหนุ่มสาว 2 คนที่กอดกันบนรถไฟฟ้าบีทีเอส ไปเผยแพร่เป็นการละเมิดหรือไม่นั้น ตนมองว่า ครูมีเจตนาดีสอนเด็กๆ ว่าในที่สาธารณะทำตัวอย่างไรให้เหมาะสม แต่สิ่งที่ครูไม่ควรทำคือถ่ายรูปวัยรุ่น 2 คนนั้น เพราะการถ่ายรูปก็ไปละเมิดสิทธิคนที่โดนถ่ายถึงจะไม่เห็นหน้าก็ตาม
ส่วนกรณีที่มีวัยรุ่นไปแสดงความไม่เห็นด้วยกับ'ครูลิลลี่' และใช้ถ่อยคำหยาบคายด้วย นางสาวอรสา กล่าวว่า “ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะเด็กรุ่นใหม่กล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็น แต่ถ้าเด็กที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น ถึงขั้นใช้คำหยาบคายมันก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน”
นางสาวอารีรัตน์ คุมสุข นักศึกษา แสดงความคิดเห็นว่า เรื่องวัยรุ่นกอดจูบกันในที่สาธารณะ ส่วนตัวมองว่า ไม่เหมาะสม ขึ้นชื่อว่าที่สาธารณะ ยังมีอีกหลายคนที่เห็น
อีกทั้งเธอยังกล่าวว่า คนในสังคมแต่ละคนต่างก็ถูกปลูกฝังมาไม่เหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะยอมรับได้กับสิ่งที่เห็น แล้วถ้าปล่อยไว้ ไม่มีใครตักเตือน อีกหลายคนก็อาจจะคิดว่ามันถูก จึงนำไปสู่การลอกเลียนแบบ
นอกจากนี้เธอยังมองว่า สื่อโซเชียลสามารถแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว ผู้รับสารเมื่อเห็นภาพเหล่านี้ก็จะเกิดความจดจำ ซึ่งคนที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำไม่ใช่แค่ตัวเอง แต่เป็นสังคมครอบครัวที่ต้องมารับรู้เรื่องเหล่านี้ เพราะฉะนั้นก็ต้องคิดให้ดีก่อนจะทำอะไรลงไป
อารีรัตน์ คุมสุข
กรณีที่'ครูลิลลี่'โพสต์ภาพของวัยหนุ่มสาว 2 คน ที่ยืนแนบชิดกันบนรถไฟฟ้าบีทีเอสนั้น เธอแสดงความเห็นว่า กรณีนี้ไม่ได้มีแค่ครูลิลลี่ที่ทนไม่ได้กับพฤติกรรมเช่นนี้ ซึ่งจะเห็นได้จากที่มีการโพสต์ภาพ
โพสต์คลิปลักษณะแบบนี้ลงในสื่อโซเชียลจำนวนมาก เพราะอีกด้านหนึ่งการถ่ายคลิปลงเฟสบุ๊คส่วนตัวก็เป็นสิทธิของเขา กล้าทำก็ต้องกล้ารับ ผิดก็ว่าไปตามผิด
นางสาวปาริฉัตร มุสิราช นักศึกษา ให้ความเห็นว่า ไม่มีความเหมาะสมที่วัยรุ่นจะแสดงความรักกันในพื้นที่สาธารณะ เพราะเป็นคนไทย มีวัฒนธรรม มีขนบธรรมเนียม
เธอยังมองว่า ในฐานะครูลิลลี่ พบเห็นวันหนุ่มสาว 2 คน ที่ยืนแนบชิดกันแล้วถ่ายภาพนำมาโพสต์บนโลกออนไลน์ ว่า เพราะครูลิลลี่ เห็นเป็นหน้าที่ที่ต้องสั่งสอนมากกว่าการปล่อยเฉยๆ
นอกจากนี้เธอให้ความเห็นถึงวัยรุ่นยุคปัจจุบันว่า ไม่เข้าใจคำว่า กาลเทศะ ความห่วงใย และหวังดีจากผู้ใหญ่ เป็นเพราะเด็กยุคนี้ ถูกสถาบันครอบครัวเลี้ยงมาแบบตามใจ และเด็กก็จะเริ่มซึมซับพฤติกรรมรุนแรงมาจากสิ่งรอบตัว โดยที่ไม่มีใครท้วงติงว่าอะไรถูกอะไรผิด เด็กสมัยนี้จึง กล้าคิด กล้าทำ การแสดงออก และกล้าโต้แย้งทันทีที่เห็นต่าง
“พ่อแม่สมัยนี้ตามใจมาก ถ้าครูปล่อยอีก คงเคยตัว และทำให้สถาบันครอบครัว และสถาบันการศึกษาเสื่อม”
ปาริฉัตร มุสิราช
ทั้งนี้เธอยังกล่าวถึงกรณีที่วันรุ่นแสดงความคิดเห็นถึงการกระทำของครูลิลี่ด้วยถ้อยคำรุนแรง ว่า ถึงแม้จะเห็นต่าง แต่สังคมไทยก็ยังคงมองว่า คุณวุฒิ วัยวุฒิ สัมมาคารวะ กาลเทศะ เป็นสิ่งสำคัญ จะผิดหรือถูกก็ไม่เหมาะสมที่จะแสดงพฤติกรรมที่ไม่มีสัมมาคารวะไร้มาทยาทกับผู้เป็นครู
นางสาวชนัญญา ดอกรัก นักศึกษา มองเรื่องการแสดงออกของวัยรุ่นถึงความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ว่า ตามธรรมเนียมปฏิบัติของสังคมไทย ค่อยข้างไม่เหมาะสมและไม่สมควรทำในพื้นที่สาธารณะ
แต่เธอก็ไม่เห็นด้วยกับการถ่ายภาพและนำไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์ เพราะอย่างน้อยก็เป็นเรื่องของสิิทธิส่วนบุคคลของผู้ที่ถูกแอบถ่าย พวกเขามีความผิดก็จริง แต่การที่ถ่ายแล้วโพสต์เป็นเสมือนการประจาน ถ้าหากต้องการเตือนอาจจะต้องเดินไปบอกพวกเขาแทน เพราะดีกว่านำไปเผยแพร่ให้สาธารณะเลย หากมีคนสืบจนรู้ว่า 2 คนในภาพนั้นเป็นใคร เขาจะอยู่ในสังคมได้ยาก
ชนัญญา ดอกรัก
ส่วนการที่วัยรุ่นวิจารณ์การกระทำของ 'ครูลิลลี่' บนโลกออนไลน์อย่างรุนแรง นางสาวชนัญญา ให้ความเห็นว่า ถือเป็นสิ่งที่ผิด เพราะการแสดงออกถึงภาษาที่หยาบคาย ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้ดีขึ้น ถ้าจะแก้ปัญหาก็ควรแสดงความคิดเห็น ในแง่มุมของเรา และควรใช้ภาษาให้มันสุภาพ เพราะจะช่วยลดความรุนแรงทางวาจาลงได้
“ดังนั้นการแสดงคำพูดของวันรุ่นในยุคนี้ ยังสะท้อนให้เห็นว่าวันรุ่นในสังคมปัจจุบัน ยังใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา และใช้อารมณ์เหนือเหตุผลมากกว่าการแสดงความคิดเห็นด้วยความรู้หรือมีข้อมูลจริงๆ”
ทั้งนี้การกระทำดังกล่าว นางสาวชนัญญา ยังมองว่า ยังสะท้อนอีกหลายอย่าง เช่น การเลี้ยงดูของครอบครัว สังคมที่เด็กคนนั้นอยู่ และการอบรมของสถาบันการศึกษา เมื่อเจอเข้ากับกรณี ครูลิลลี่ นำภาพดังกล่าวมาโพสต์ ควรแสดงออกอย่างไร
อย่างไรก็ตาม นางสาวชนัญญา ยังได้กล่าวถึงวัยรุ่นว่า ในฐานะที่เธอก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง การแสดงความรักต่อกัน มันแสดงได้ แต่เราควรอยู่ในที่ที่เหมาะสม และเวลาจะทำอะไรให้นึกถึงคนข้างหลังเช่น พ่อ แม่ คนที่เลี้ยงดูเรามา เพราะเมื่อเราได้รับผลกระทบมันไม่ใช่แค่ตัวเรา รวมถึงการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์เช่นกัน อยากจะให้ใช้เหตุผลมากกว่าใช้อารมณ์ความรู้สึก ใช้คำพูด คำจา และควรไตร่ตรองให้ดีก่อนโพสต์ทุกครั้ง