ข่าว

ชาวสวนยางระทมชะลอขายแผ่นยางดิบหลังราคาตกต่ำ

ชาวสวนยางระทมชะลอขายแผ่นยางดิบหลังราคาตกต่ำ

12 มิ.ย. 2560

ชาวสวนยางพาราชะลอขายยางแผ่นดิบ-ยางก้อนถ้วยหลังราคาตกต่ำขณะผู้ประกอบการรับซื้อยางรายย่อยเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหามาตรการช่วยเหลือพยุงหรือแทรกแซงราคายางให้สูงขึ้น

 

          กรณีราคายางพาราตกต่ำเพียงสัปดาห์เดียวทั้งยางแผ่นดิบและยางก้อนถ้วยล่วงลงถึงกว่ากิโลกรัมละกว่า 10 บาท โดยขณะนี้ยางแผ่นดิบอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 53 บาท ยางก้อนถ้วยอยู่ที่กิโลกรัมละ 24–25 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่อยู่ในจุดคุ้มทุน จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยพยุงหรือแทรกแซงราคา และหาตลาดส่งออก เพื่อให้ราคายางไม่ผันผวนตกต่ำมากไปกว่านี้

          เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 60 เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและผู้ประกอบการรับซื้อยางรายย่อย อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ บรรยากาศการซื้อขายทั้งยางแผ่นดิบและยางก้อนถ้วย ตามจุดรับซื้อเงียบเหงา มีเกษตรกรนำยางมาขายบางตาเฉลี่ยวันละ 10 ตัน จากก่อนหน้านี้ช่วงที่ราคาแผ่นดิบอยู่ที่กิโลกรัมละ 70 บาท และยางก้อนถ้วยอยู่ที่กิโลกรัมละ 34 บาทมีเกษตรกรนำมาขายกว่าวันละ 30 ตัน สาเหตุที่เกษตรกรนำยางมาขายน้อยลง เนื่องจากต้องการรอให้ราคายางสูงขึ้น เพราะหากนำมาขายในช่วงนี้ไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต จึงต้องการให้รัฐบาลเร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาไม่ให้ราคายางต่ำกว่ากิโลกรัมละ 70บาท และไม่ผันผวนขึ้นลง เกษตรกรและผู้ประกอบการรับซื้อยางรายย่อยจึงจะอยู่รอดได้

          นายสุเมธ แทนไธสง เกษตรกรผู้ปลูกยางบ้านหนองเก้าข่า ต.เมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ ซึ่งเป็นหนึ่งในเกษตรกรที่นำยางก้อนถ้วยมาขายที่จุดซื้อ อ.แคนดง บอกว่าช่วงนี้ราคายางตกต่ำไม่อยู่ที่จุดคุ้มทุน แต่ที่จำใจนำมาขายเพราะจำเป็นต้องนำเงินไปเป็นค่าปุ๋ยและใช้จ่ายในครอบครัว หากราคาตกต่ำลงต่อเนื่องปีนี้ไม่รู้ขายยางได้คุ้มทุนหรือไม่ เพราะกว่าจะถึงอายุครบเปิดกรีดได้ต้องมีต้นทุนในการปลูกและบำรุงต้นยางมากว่า 7 ปี จึงสามารถเปิดกรีดได้ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหามาตรการช่วยเหลือชาวสวนยาง โดยการพยุงราคายางแผ่นไม่ให้ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 70 บาท และยางก้อนถ้วยไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 35 บาท

          เช่นเดียวกับนายธีรเดช ทองสม ผู้ประกอบการรับซื้อยางรายย่อยที่ อ.แคนดง ยอมรับว่า หลังราคาตกต่ำลงทำให้เกษตรกรนำยางมาขายลดลงมากกว่าครึ่ง เนื่องจากส่วนมากชะลอการกรีดเพื่อรอราคาให้สูงขึ้น และปัญหาราคายางที่ตกต่ำและผันผวนในช่วงนี้ นอกจากจะส่งผลกระทบกับเกษตรกรชาวสวนยางแล้ว ยังกระทบกับผู้ประกอบการรับซื้อยางรายย่อยด้วย เพราะไม่สามารถรับรู้ราคาล่วงหน้าได้ โดยช่วงที่รับซื้อมีราคาสูงแต่พอจะนำไปขายให้กับโรงงานแปรรูปกลับมีราคาตกต่ำ ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยต้องแบกรับภาระส่วนต่างที่หายไป จากกรณีดังกล่าวจึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหามาตรการช่วยเหลือพยุงราคา หรือหาตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น เพื่อให้ราคายางสูงขึ้นและไม่ผันผวนตกต่ำลงอีก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวสวนยางและผู้ประกอบการรายย่อยด้วย