
แชร์ลูกโซ่ดาหน้าทวงถามคดี
ผู้เสียหายแชร์ลูกโซ่ 3 วง ครอสสัมมนา-หม่อนไหม-เทรดทอง ทวงถามความคืบหน้าดีเอสไอ ระบุมูลค่าเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท ขณะที่ดีเอสไอแจงรอเสนอเป็นคดีพิเศษ ระบุแ
7 มิ.ย. 60 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิชกุล ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย นำตัวแทนผู้เสียหายคดีแชร์ลูกโซ่ถูกหลอกให้ลงทุนกับบริษัทเดอะซิสเตมปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด (TSPP) และบริษัทอินโนวิชั่น โฮลดิ้ง จำกัด ให้ร่วมลงทุนซื้อแพคเกจคอร์สสัมมนาเพื่อการเรียนรู้และการลงทุน นำเอกสารของผู้เสียหาย เพิ่มเติม จำนวน 800 คน เอกสารจำนวน 8 ลัง และเอกสารผู้เสียหายชาวลาว ที่ถูกหลอกจากคดีบริษัทภูน้ำลำชี อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย จำกัด หรือ แชร์หม่อนไหม จำนวน 480 คน ซึ่งผู้กระทำความผิดเป็นกลุ่มเดียวกันและมีผู้เสียหายในประเทศเพื่อนบ้าน และคดีแชร์ลูกโซ่กรณีบริษัท สยามแกรนเดอร์ แมเนจเม้น จำกัด และบริษัทโกวบัลวิว คอนซัลติ้ง จำกัด หลอกประชาชนให้มีการลงทุนในการซื้อ-ขายทองคำและเทรดหุ้น มามอบให้พ.ต.ท.อานนท์ อุนทริจันทร์ รองผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 เพื่อติดตามความคืบหน้าในแต่ละคดีหลังจากก่อนหน้านี้ได้นำผู้เสียหายจากคดีดังกล่าวเข้าร้องทุกข์ต่อดีเอสไอ
นายสามารถ กล่าวว่า ตนนำผู้เสียหายจากคดีแชร์ลูกโซ่ในคดีต่างๆมาติดตามความคืบหน้าและอยากขอให้ดีเอสไอพิจารณาอนุมัติรับไว้เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากมีประชาชนได้รับความเสียหายกว่า 40,000 คนทั่วประเทศ มีมูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 กรณีมีหลายรายที่ยังยื่นเอกสารไม่ครบซึ่งพนักงานสอบวสวนขอให้มายื่นเพิ่มเติมเพื่อผลประโยชน์ของผู้เสียหายและจะทำให้พนักงานสอบสวนสามารถทำคดีได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่พ.ต.ท.อานนท์ ได้ชี้แจงความคืบหน้าของแต่ละคดี กรณีแชร์หลอกลงทุนคอร์สสัมมนาดีเอสไอได้รับเรื่องไว้ดำเนินการแล้วกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเสนอให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณาว่าจะเข้าหลักเกณฑ์รับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยเบื้องต้นพบข้อมูลมีผู้เสียหาย 700 ราย ใน 44 จังหวัด จากการประเมินว่าจะมีผู้เสียหายทั้งหมด 1,200 ราย พฤติการณ์ความผิดมีลักษณะแชร์ลูกโซ่และคณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอวิเคราะห์แผนประทุษกรรมและมูลค่าความเสียหายเชื่อว่าน่าจะสามารถรับเป็นคดีพิเศษได้
ส่วนคดีแชร์บริษัทภูลำน้ำชี หรือ คดีแชร์หม่อนไหม ซึ่งเป็นการหลอกให้ไปลงทุนปลูกหม่อนทั้งในประเทศไทยและประเทศลาว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวน เพราะมีการแจ้งผู้เสียหายประมาณ 1,200 ราย แต่ขณะนี้มีข้อมูลเพียง 200 ราย ความเสียหายที่แจ้งมาประมาณ 100 ล้านบาท แต่การตรวจสอบจริงพบเพียง 37 ล้านบาท ซึ่งกรณีนี้มีปัญหาเรื่องของการแจ้งความเสียหายไม่ตรงกับความจริงมากเกินจริงและไม่ชัดเจน ดีเอสไอจึงขอให้ผู้เสียหาย แจ้งความเสียหายที่แท้จริงเท่านั้น ส่วนในคดีที่มีแนวโน้มจะเป็นคดีพิเศษขอให้แจ้งครอบคลุมถึงผู้กระทำผิดด้วยเพื่อสามารถดำเนินคดีได้และติดตามทรัพย์สินได้ทันที
พ.ต.ท.อานนท์ กล่าวอีกว่า สำหรับแชร์ลูกโซ่กรณีบริษัทสยามแกรนเดลฯ หลอกร่วมลงทุนในการซื้อ-ขายทองคำและเทรดหุ้นนั้น เป็นคดีทีมีความซับซ้อน พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ข้อสรุปให้มีการเรียกสอบพยานเพิ่มเติมทั้งในกทม.และต่างจังหวัด ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างดำเนินการในส่วนที่มีความเกี่ยวพันกับการโอนเงินและฟอกเงิน ซึ่งต้องแยกส่วนในการพิจาณาคดีและวิเคราะห์ติดตามเส้นทางการเงิน แต่ละคดีพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างดำเนินการและมีความคืบหน้าไปพอสมควร



