
ยันเรือบรรทุกทอดสมอปากบาราไม่กระทบบ้านปลา
สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูล แจงเรือบรรทุกสินค้าขนาด 1,912 ตันกลอส เสียทอดสมออ่าวปากบารา ยันซ่อมเสร็จเดินทางทันที
หลังจากที่มีการโพสต์ภาพเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่จอดบริเวณอ่าวปากบาราระหว่างแผ่นดินใหญ่กับเกาะตะรุเตา ห่างจากชายฝั่งประมาณ 7 ไมล์ ในสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมกับแสดงความห่วงใยผลกระทบ ว่า การที่เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ทอดสมอในเขตอนุรักษ์ โดยเฉพาะอยู่ใกล้กับซั้งกอ หรือ บ้านปลา ที่ดำเนินการโดยมูลนิธิทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จะได้รับผลกระทบนั้น
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นายวินัย หมื่นสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูล ซึ่งได้ชี้แจงว่า เรือลำที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นเรือบรรทุกสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ ชื่อ เรือศิริรันนาวา ขนาดความยาวของเรือ 82.80 เมตร กว้าง 14.80 เมตร ลึก 5.90 เมตร 1,912 ตันกลอส พร้อมลูกเรือ 12 คน เป็นเรือเปล่า แจ้งการเดินทางออกจากท่า จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเดินทางไปยัง จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อผ่านท่าเรือกันตัง จ.ตรัง เครื่องยนต์มีปัญหา แต่กัปตันพยายามเดินเรือกระทั่งมาถึงบริเวณดังกล่าวแอบด้านหลังเกาะตะรุเตาเพื่อหลบลม พร้อมทอดสอม ถอดปั๊มเครื่องไปซ่อมบนฝั่ง ซึ่งทางเจ้าของเรือได้แจ้งว่าจะสามารถซ่อมเสร็จประมาณวันที่ 20 พ.ค. และวันที่ 21 พ.ค. ก็จะออกเดินทาง
“ผมได้สอบถามกับเจ้าของเรือไปว่าในระหว่างการซ่อมจะมีอะไรตกหล่นลงไปในทะเลหรือไม่ ทางเจ้าของเรือก็ชี้แจงว่า ไม่มีอะไรตกหล่นลงไปในทะเล เนื่องจากอุปกรณ์ที่ซ่อมเป็นอุปกรณ์ด้านในของเรือ เพียงแค่ถอดปั๊มตัวที่มีปัญหาออกไป ซึ่งจะต้องนำไปซ่อมบนฝั่ง และเป็นอุปกรณ์ชิ้นใหญ่เลยต้องใช้เวลา”
นายวินัย กล่าวและว่า ความจริงเจ้าของเรือเขาต้องการลากเรือออกไป เพราะเขาเกรงว่าชาวบ้านปากบาราจะเกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นเรืออะไร มาทำอะไร แต่เมื่อตรวจสอบแล้วว่าเรือไม่ได้บรรทุกสินค้าและอุปกรณ์ที่ซ่อมก็ไม่มีผลกระทบกับน้ำทะเลตรงนั้น บวกกับพื้นที่บริเวณนั้นมีซั้งกอที่เป็นบ้านปลา เกรงว่าหากมีการใช้เรือลากมาลากอาจจะทำให้เกิดผลกระทบกับพื้นที่ตรงนั้นได้ เนื่องจากเป็นเรือขนาดใหญ่
จึงได้ข้อสรุปว่า ฉะนั้นขอให้เรือมีการทอดสมอและไม่ให้เรือขยับเขยื้อนเข้ามาใกล้ฝั่งอีก แล้วให้เร่งทำการซ่อมปั๊มที่เสียให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด เคลื่อนเรือออกจากพื้นที่ทันที และให้แจ้งทางเจ้าท่าเพื่อจะได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านรับทราบ และข้อสรุปวันนี้ (18 พ.ค.) ก็ได้แจ้งไปกับคุณไกรวุฒิ ชูสกุล ไปแล้วว่าให้ช่วยแจ้งกับชาวบ้านที่ปากบารารับทราบตามนี้ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและเข้าใจตรงกัน