
อนุสรณ์สถานอดีตทหารจีนคณะชาติกองทัพที่ 3 ชะงัก
โครงการก่อสร้างอนุสรณ์สถานอดีตทหารจีนคณะชาติกองทัพที่ 3 (ก๊กมิงตั๋ง) ต้องชะงัก เหตุบุตรสาวนายพลลี ขัดแย้งกับคกก.ฝ่ายต่างๆ ทั้งเรื่องเงิน-สถานที่
13 พ.ค. 60 - นางสาวภรณี ชัยศิริ และนางสาวฉวีวรรณ ชัยศิริ บุตรสาวของนายพลลี เหวินฮ้วน อดีตผู้นำทหารจีนคณะชาติกองทัพที่ 3 (ก๊กมินตั๋ง) นำสื่อมวลชนลงพื้นที่เพื่อดูสถานที่ก่อสร้างอนุสรณ์สถาน อดีตทหารจีนคณะชาติกองทัพที่ 3 (ก๊กมิงตั๋ง) ที่บ้านถ้ำง๊อบ หมู่ที่ 6 ต.หนองบัว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่
ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ บุตรสาวของนายพลลี เหวินฮ้วน นำอดีตทหารที่ร่วมรบกับนายพลลี จำนวน 10 คนเดินทางไปที่สุสานนายพลลี เหวินฮ้วน จากนั้นไปสถานที่ก่อสร้างอนุสรณ์สถานบ้านถ้ำง๊อบ ที่มีอนุสรณ์สถานที่สร้างอยู่เดิม และที่จะสร้างใหม่อยู่ติดกัน พบว่าได้ก่อสร้างคืบหน้าไปมากเกินกว่า 50% แต่ขณะนี้มีปัญหาในเรื่องความขัดแย้งของคณะกรรมการและบุตรสาวของนายพลลี และอดีตทหารที่รบกับนายพลลีส่วนหนึ่งเกิดความขัดแย้งกับคณะกรรมการจัดสร้างอนุสรณ์สถานอดีตทหารจีนฯ รายอื่นอยู่
โดยก่อนหน้านี้ บุตรสาวของนายพลลีทั้งสองคนได้ร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอไชยปราการ ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรมอำเภอไชยปราการ จากนั้นไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ถึงกรณีขัดแย้งหลายเรื่อง เช่นเงินงบประมาณในการก่อสร้างอนุสรณ์สถานฯ และเรื่องที่ก่อสร้างแล้วไม่เหมาะสมมีการแก้ไขกันบ่อยครั้ง และล่าสุดพบว่ากรรมการรายอื่นๆ ได้พยายามเปลี่ยนแปลงชื่อสถานที่สร้างอนุสรณ์สถานฯให้เป็นศาลเจ้า เป็นต้น
สำหรับปัญหาดังกล่าว ทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ โดยนายประจวบ กันธิยะ รองผู้ว่าฯเชียงใหม่ ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าฯเชียงใหม่ ทำหนังสือลงวันที่ 8 พ.ค.2560 ระบุว่าบุตรสาวของนายพลลี ทั้งสองคนได้ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2560 ทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ได้รับเรื่องแล้ว ได้สั่งการให้ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอไชยปราการชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อทางจังหวัดแล้ว ผลเป็นอย่างไรจะแจ้งให้บุตรสาวของนายพลลีทราบต่อไป
นางสาวภรณี และนางสาวฉวีวรรณ บอกว่า ในช่วงที่รอทางจังหวัดแจ้งผลการชี้แจงของทางศูนย์ดำรงธรรมอำเภอไชยปราการนั้น ตนเห็นว่า ประชาชนคนไทยต้องได้รับทราบถึงการที่อดีตทหารจีนคณะชาติกองทัพที่ 3 (ก๊กมิงตั๋ง) ได้ต่อสู้เพื่อประเทศชาติ เมื่อจะสร้างอนุสรณ์สถานเพื่อทหารที่เสียชีวิตไปแล้วนั้นจะต้องสร้างให้สมเกียรติ และเหมาะสม แต่การดำเนินงานที่ผ่านมามีความขัดแย้ง เกิดความแตกแยก โดยคณะกรรมการบางคนไม่ให้ครอบครัวของนายพลลี เข้าไปมีบทบาทในการบริหารจัดการเรื่องเงินงบประมาณ และการจัดการก่อสร้างอนุสรณ์สถานด้านต่างๆ เช่น การตกแต่งภายในไม่เหมาะสมไม่สมเกียรติ และโครงสร้างการก่อสร้างไม่ถูกต้องตามแบบสากล จึงนำสื่อมวลชนลงพื้นที่พิสูจน์ความจริงวันนี้
นางสาวฉวีวรรณ กล่าวว่า ที่ติดใจคือกรณีจะจัดสร้างอนุสรณ์สถานอดีตทหารจีนคณะชาติกองทัพที่ 3 (ก๊กมินตั๋ง) แล้วให้รวมเป็นศาลเจ้าของพระจีนจากไต้หวันด้วย ทางครอบครัวตนในฐานะบุตรสาวนายพลลี และทหารที่สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่นายพลลีเห็นว่าไม่เหมาะสม และต้องการให้สร้างเฉพาะอนุสรณ์สถานอดีตทหารจีนฯ เท่านั้น
ส่วนกรณีที่ร้องเรียนไปศูนย์ดำรงธรรมอำเภอไชยปราการนั้น ตนไม่เชื่อมั่นว่าจะได้รับความเป็นธรรม การที่เชิญ ตนและเครือญาติพร้อมทหารของนายพลลีบางคนไปพบก็หวังว่าจะได้รับคำชี้แจง เรื่องกรณีที่ตนร้องขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอไชยปราการที่ไม่เห็นด้วยกรณีที่มีความขัดแย้งในการสร้างอนุสรณ์สถานทหารจีนฯ แต่พบว่าวันที่ตนไปฟังคำชี้แจงมีประชาชนชาวจีนจากอำเภอต่างๆที่อยู่ใกล้เคียง อำเภอไชยปราการส่วนหนึ่ง และมีชาวไทยสัญชาติไทยใหญ่ มูเซอ ซึ่งไม่มีสัญชาติและเกี่ยวข้องกับญาติหรืออดีตทหารลูกน้องของนายพลดีแต่อย่างใด ได้เดินทางมาร่วมประชุมรับฟัง และลงรายมือชื่อเพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินการสร้างอนุสรณ์สถานฯและศาลเจ้าด้วย
" ส่วนตัวเห็นว่า เป็นการพยายามจะให้ครอบครัวของตนไม่มีส่วนในการจัดสร้างอนุสรณ์สถานทหารจีนฯดังกล่าวหรือไม่ และขณะนี้ใช้งบประมาณไป 8 ล้านบาท และยังไม่รู้ว่าจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ถึงจะเสร็จสิ้น เงินได้มาจากที่ชาวไทยเชื้อชายจีนและเครือญาตินายพลลี และเครือญาติทหารของนายพลลี ระดมทุนกันก่อสร้างมาก่อนหน้านี้ และไมเ่ห็นด้วยที่คณะกรรมการบางคนจะหาเงินโดยวิธีไม่เหมาะสมมาจัดสร้างอนุสรณ์สถานฯ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าไว้วางใจ จึงร้องไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 เม.ย." นางสาวฉวีวรรณ กล่าว
ด้านนายพิบูลย์ ใจโชคดียิ่งสกุล อายุ 69 ปี อดีตทหาร ซึ่งเป็นลูกน้องเก่าของนายพลลี กล่าวว่า ตนเป็นทหารมาตั้งแต่อายุ 15 ปี ได้ไปสู้รบเพื่อปกป้องประเทศชาติที่ดอยผาหม่น ผาตั้ง และอีกหลายแห่ง วันนี้เมื่อจะสร้างอนุสรณ์สถานผู้ที่เสียชีวิตร่วมรบด้วยกันมาในอดีต และอยู่กับนายพลลี ที่เสียชีวิตไปแล้ว เพื่อให้ลูกหลานได้ศึกษาประวัติและเคารพบรรพบุรุษ แต่มาเกิดปัญหาขัดแย้งในการใช้เงินงบประมาณก่อสร้างและปัญหาต่างๆ
เนื่องจากมีคณะกรรมการบางคนได้เรี่ยไรทุนจากต่างประเทศหลายสิบล้านบาท ซึ่งมีผลประโยชน์อื่นแอบแฝงหรือไม่ ไม่ทราบ ซึ่งพวกเราต้องการให้สร้างอนุสรณ์สถานของอดีตทหารเท่านั้น ไม่อยากให้มาสร้างศาลเจ้าในบริเวณเดียวกัน และต้องการให้ปัญหาต่างๆ ยุติโดยเร็วเพื่อจะเดินทางสร้างอนุสรณ์สถานตมาเจตนารมณ์ของลูกหลานอดีตทหารคณะชาติกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับการลงพื้นที่รับฟังปัญหาในครั้งนี้ บุตรสาวของนายพลลี เหวินฮ้วน และอดีตทหารที่รบกับนายพลลี ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสั่งการยุติปัญหาโดยเร็ว และไม่ให้กลุ่มนายทุนที่เรี่ยไรหาเงินทุนสร้างศาลเจ้า เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างอนุสรณ์สถานอีกต่อไป.