ข่าว

 "พัชรวาท"เกมโอเวอร์ป.ป.ช.-อนุ ก.ตร."รุมเชือด"

"พัชรวาท"เกมโอเวอร์ป.ป.ช.-อนุ ก.ตร."รุมเชือด"

08 ก.ย. 2552

ในที่สุด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ก็ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดจากการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ด้วยข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 พร้อมเสนอลงโทษทางวินัยร้า

นอกจาก ผบ.ตร.แล้ว ยังมี พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.ภ.4 อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ตามกฎหมายทั้งสองต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน

 ส่วนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ไม่มีตำแหน่งในปัจจุบัน จึงไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ ป.ป.ช.ต้องส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องต่อศาล เนื่องจากมีโทษทางอาญาไปพร้อมๆ กันทั้ง 4 คน

 เหลือเวลาอีกเพียง 23 วัน ก่อนที่ พล.ต.อ.พัชรวาท จะเกษียณอายุราชการ ก็ไม่อาจรั้งตำแหน่ง ผบ.ตร.เอาไว้ได้

 ก่อนหน้านี้มีข่าวสะพัดถึงการปลด พล.ต.อ.พัชรวาท มาโดยตลอด กระแสปลดเริ่มขึ้นภายหลังการส่งสัญญาณให้ พล.ต.อ.พัชรวาทเดินทางไปราชการที่ประเทศจีน พร้อมๆ กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ 10) ขึ้นรักษาราชการแทน

 ด้วยถูกกล่าวหาว่าเป็น "ตอ" ในการคลี่คลายคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล ประมุขค่ายผู้จัดการและแกนนำคนเสื้อเหลือง

 แต่ข่าวด้านลึกกลับสะพัดว่า ผบ.ตร.มีปัญหาเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีโยกย้าย โดยไม่สนองตอบการเมือง ต่อมามีการออกมาแฉโดยนายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ วอลล์เปเปอร์นายกฯ อภิสิทธิ์ว่าเกิดการซื้อขายตำแหน่งกันอย่างกว้างขวาง และแฉหลักฐานการร้องเรียนในเวลาต่อมา

 ดูเหมือนการไปปฏิบัติราชการที่ประเทศจีนของ พล.ต.อ.พัชรวาท ยิ่งถูกจับตา เพราะเกิดข่าวไหลไปเข้าหูฝ่ายการเมืองว่า มีการนำโผรายชื่อแต่งตั้งไปทำกันถึงเมืองจีน ขณะที่คนใกล้ชิด ผบ.ตร.มองว่า หากเดินทางไปราชการครบกำหนดอาจถูกฝ่ายการเมืองเข้ามาล้วงลูกผ่าน พล.ต.อ.วิเชียร จึงย่องกลับประเทศไทยอย่างเงียบๆ พร้อมทำหนังสือให้จเรตำรวจแห่งชาติและรอง ผบ.ตร.ทุกคนทราบว่า ได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติแล้ว

 การกลับมาก่อนกำหนดครั้งนี้ดูเหมือนทำให้ฝ่ายการเมืองเคืองขุ่นเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดนายกฯ อภิสิทธิ์ ออกมาบอกว่า ผบ.ตร.จะเดินทางไปราชการภาคใต้ต่อ พร้อมกับตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร ขึ้นรักษาราชการแทน เป็นครั้งที่สอง

 ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีประเพณีปฏิบัติว่า ผู้นำหน่วยเดินทางไปราชการภายในประเทศ ต้องตั้งรักษาราชการแทน 

 ครั้งนี้เองที่เหตุผลแท้จริงเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น เมื่อฝ่ายการเมืองต้องการให้จัดทำโผโยกย้าย ภายใต้ผู้นำชั่วคราวอย่าง พล.ต.อ.วิเชียร และเป็นไปตามคาดเมื่อรักษาราชการแทน เซ็นคำสั่งให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ตัวเต็ง ผบ.ตร.คนใหม่เป็นผู้ดำเนินการ

 แล้ว พล.ต.อ.พัชรวาทก็แข็งขืนเป็นครั้งที่สอง โดยการกลับมาทำงานก่อนกำหนด การกลับมาครั้งนี้เองที่ทำให้นายกฯ อภิสิทธิ์ ต้องเสียภาวะผู้นำ เมื่อมีการเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ คณะกรรมการเสียงข้างมากไม่ยกมือผ่านให้แก่ พล.ต.อ.ปทีป ที่นายกฯ เสนอต่อที่ประชุม จนเกิดอาการเสียหน้า เสียสถานะนายกฯ อย่างร้ายแรง และหนึ่งในผู้ที่ยกมือสวนนายกฯ อภิสิทธิ์ก็คือ พล.ต.อ.พัชรวาท

 เป็นไปตามคาดเมื่อเกิดเสียงวิจารณ์ขึ้นภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำนองว่า นี่คือการทวงแค้นคืน หลังจากถูกฝ่ายการเมืองรุกไล่จนเกือบจนกระดาน ส่วนหนึ่งบรรดากองเชียร์ฝ่าย พล.ต.อ.พัชรวาท เชื่อว่านายกฯ ไม่กล้าแตกหักเพราะพี่ชายอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คงไม่ปล่อยน้องชายพบชะตากรรมในบั้นปลายชีวิต

 ความตึงเครียดบนเก้าอี้ ผบ.ตร. เริ่มปะทุและชัดเจนที่สุดเมื่อ ป.ป.ช.ส่งสัญญาณการประชุม เพื่อชี้มูลความผิดการสลายการชุมนุม บวกกับการตั้งคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจ (อนุ ก.ตร.) ขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง โดยมีนายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธาน

 พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะโฆษกคณะอนุก.ตร. ออกมาเปิดเผยผลการสอบสวนในวันเดียวกันกับที่ ป.ป.ช.ชี้มูลว่า มีการแทรกแซงอำนาจการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจวาระประจำปี 2551 อย่างแน่นอน พบหลักฐานการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น และคำสั่งการแต่งตั้งขัดต่อกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้ง อีกส่วนหนึ่งเชื่อว่าการแต่งตั้งในครั้งนั้น ส่อไปในทางทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์

 เมื่อสองเรื่องมาบรรจบในวันเดียวกันดูเหมือน พล.ต.อ.พัชรวาท ยากจะรั้งเก้าอี้ไว้ได้ ที่แน่ๆ นี่คือช่องทางให้นายอภิสิทธิ์ล้างตาในการเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ อย่างน้อยก็ลดเสียงสนับสนุน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.ที่ ก.ต.ช.เสียงส่วนใหญ่ผลักดัน

 นี่อาจเป็นการ "เชือดไก่ให้ลิงดู" เพื่อให้ข้าราชการที่นั่ง ก.ต.ช.โดยตำแหน่งได้ตระหนักว่า ทุกย่างก้าวที่ขัดขวางการบริหารงานของรัฐบาล นั่นหมายถึง "วาระสุดท้าย" บนเก้าอี้ผู้นำหน่วยก็เป็นได้ !!