ข่าว

ค้น31จุด8จว.กวาดจับเครือข่าย"ไซซานะ-ท้าวสีสุก"

ค้น31จุด8จว.กวาดจับเครือข่าย"ไซซานะ-ท้าวสีสุก"

02 พ.ค. 2560

ตร.ปฎิบัติการ "ชัยยะ สยบไพรี 60/4" ขยายผลตามจับกุมเครือข่าย "ไซซานะ-ท้าวสีสุก" ตะลุยค้น 8 จังหวัด 31 จุด ยึดยาบ้า 4.4 ล้านเม็ด ไอซ์ 100 กก.

     ช่วงบ่ายวันนี้(2พ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รองผบช.ปส. พล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเหนิด ผบก.ปส.3 เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. ร่วมแถลงผลปฏิบัติการตามยุทธการบูรณาการตัดวงจรทางการเงินเครือข่ายยาเสพติด ครั้งที่ 6/2560 ตามแผนปฏิบัติการ “ชัยยะ สยบไพรี 60/4” ของเครือข่ายท้าวสีสุก ดาวเรือง ผู้ต้องหาขบวนการค้ายาเสพติดชาวลาว ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับ นายไซซะนะ แก้วพิมพา นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ชาวลาว

     โดยปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 8 จังหวัด ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวม 31 จุดต รวจค้นสามารถจับกุมได้ 3 คดี ผู้ต้องหา 9 คน ยึดของกลางยาบ้าจำนวน 4,417,531 เม็ด ยาไอซ์น้ำหนัก 100.15 กิโลกรัม ยาเคตามีน 49 กิโลกรัม ยาอี 1,514 เม็ด และกัญชาแห้ง 4 กรัม

     คดีแรกเจ้าหน้าที่ บก.ปส.3 บช.ปส. และตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกันจับกุมนายศักดิ์ชัย แซ่ย่าง อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/1 หมู่ 5 จ.บ้านหวด อ.งาว จ.ลำปาง และนายย่าฟ่าตี่ แซ่ย่าง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 269 หมู่ 10 ต.ห้วยข้อ อ.เชียงของ จ.เชียงราย พร้อมของกลางยาบ้า 4,016,000 เม็ด ยาไอซ์น้ำหนัก 100 กก. ยาเคตามีนน้ำหนัก 49 กก. รถยนต์จำนวน 3 คัน และโทรศัพท์มือถือจำนวน 7 เครื่องสามารถจับกุมได้บริเวณหน้าวัดปางหมอปวง หมู่ 6 ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ต่อเนื่องถนนสายเชียงแสน-เชียงของ บ้านป่าสักหางเวียง หมู่ 9 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

     พล.ต.ต.ศุภกิจ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่บช.ปส.ได้ทำการจับกุมนายณัฐพลหรือบอย นาคคำ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาเครือข่ายนายไซซะนะ แก้วพิมพา ราชายาเสพติดชาวลาว เจ้าหน้าที่บช.ปส. 3 ได้ทำการสืบสวนขยายผล ก่อนได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีการลักลอบขนยาเสพติดจำนวนมากให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาเพื่อนำไปส่งให้กับกลุ่มเครือข่ายในเขตกทม.และปริมณฑล เจ้าหน้าที่จึงวางแผนการจับกุมโดยนำกำลังไปซุ่มบริเวณหน้าวัดปางหมอปวง จนพบรถยนต์จำนวน 3 คัน ตรงตามที่ได้รับแจ้งจากสายลับ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมจนสามารถจับกุมนายศักดิ์ชัยและนายย่าฟ่าตี่ไว้ได้ แต่มีผู้ต้องหาอีก 3 คนสามารถหลบหนีไปได้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานทำการออกหมายจับ

     จากการตรวจค้นในรถทั้ง 3 คันสามารถยึดยาเสพติดได้จำนวนมาก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกัรลนมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า , ไอซ์) ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว่ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาติ และมีไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

     คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 30 เม.ย. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เจ้าหน้าที่ศุลกากร ตำรวจปส.3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เจ้าหน้าที่ศรภ. กองทัพไทย ได้ร่วมจับกุมนายโนเวอร์เดียน สุเทียนซาห์ สุเท็ดโจ้ (MR.NOVERDIAN SUTIANSHAH SUTEDJO) อายุ 38 ปี สัญชาติ อินโดนีเซีย พร้อมของกลาง ยาอีจำนวน 1,514 เม็ด ไอซ์น้ำหนัก 1.5 กรัม และกัญชาแห้งน้ำหนักประมาณ 4 กรัม โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาบริเวณด้านหน้าล๊อบบี้ คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาธร กทม. เวลาประมาณ 13.50 น. ต่อเนื่องตรวจค้นห้องพักเลขที่ 123/149 ในอาคารชุดคอนโดมิเนียมดังกล่าว

     นายศิรินทร์ยา กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากวันที่ 15 เม.ย.เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันทำการตรวจยึดพัสดุไปรษณีย์ซุกซ่อนยาอี จำนวน 200 เม็ด ที่คลังสินค้าของบริษัทขนส่งสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ซึ่งถูกส่งมาจากประเทศออสเตรีย โดยระบุผู้รับปลายทางเป็นตู้จดหมายของบริษัทซึ่งประกอบธุรกิจให้เช่า ตั้งอยู่ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และต่อมาวันที่ 23 เม.ย.ได้ร่วมกันตรวจยึดพัสดุไปรษณีย์ซุกซ่อนยาอีจำนวน 100 เม็ด ที่ตู้จดหมายของบริษัทเมล์บ๊อกซ์ อีทีซี สาขาศูนย์การค้าสีลม คอมเพล็กซ์ ซึ่งถูกส่งมาจากประเทศเยอรมนี

     จากการสืบสวนทราบว่า ผู้เช่าใช้บริการตู้จดหมายทั้งสองแห่งเป็นบุคคลเดียวกัน จากนั้นวันที่29 เม.ย. เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีการส่งยาอีมาศูนย์การค้าดังกล่าวอีกครั้ง จึงเฝ้าติดตามกระทั่งวันที่ 30 เม.ย. ได้ร่วมกันจับกุม นายโนเวอร์เดียน พร้อมของกลางยาอี จำนวน 1,507 เม็ด และขยายผลตรวจค้นห้องพัก พบไอซ์ น้ำหนักประมาณ 1.5 กรัม กัญชาแห้ง 4 กรัม และยาอี 7 เม็ด (รวมยาอีทั้งหมด 1,514 เม็ด)

     นายศิรินทร์ยา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ลักลอบสั่งซื้อยาอีเข้ามาในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มชาวต่างชาติ (ไม่จำกัดสัญชาติ) ร่วมกับกลุ่มวัยรุ่นหรือนักท่องเที่ยวชาวไทย สั่งซื้อยาอีผ่านทางโซเซียลมีเดีย ซึ่งผู้จัดหาจะลักลอบส่งทางพัสดุไปรษณีย์จากประเทศในยุโรป ผ่านประเทศออสเตรีย เยอรมนี หรือประเทศอื่นที่ไม่ได้เป็นแหล่งยาผลิต เบื้องต้นแจ้งข้อหานำยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เอ็กซ์ตาซี่หรือยาอี) เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย และมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เอ็กซ์ตาซี่หรือยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมายและมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไอซ์ เอ็กซ์ตาซี่หรือยาอี และยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 กัญชา ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย

     คดีที่ 3 ตำรวจกก.1 บก.ปส.4 จับกุมนายจักรี อุ่นสำราญ อายุ 31 ปี นายเฉลิม นาคภักดี อายุ 29 ปี นายเสรินทร์ ยาเพ็ชรน้อย อายุ 32 ปี นายทันณกร สุมทอง อายุ 32 ปี นายศานิต อิสสอาด อายุ 34 ปี และน.ส.ชุติมา เทกอง อายุ 19 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 401,531 เม็ด รถยนต์จำนวน 3 คัน โทรศัพท์มือถือจำนวน 4 เครื่อง และอาวุธปืนยี่ห้อ CZ ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุนจำนวน 9 นัด โดยสามารถจับกุมนายเสรินทร์ นายทันณกร นายศานิตและน.ส.ชุติมา ได้ภายในปั๊มน้ำมันบางจาก ถนนพระราม 2 ต.แพรกหนามแดง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม และสามารถจับกุมนายจักรี และนายเฉลิมได้ที่ลานจอดรถภานลยในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสาขาศาลายา ต.บางเตย อ.สามพราน จ.นครปฐม เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

     และคดีสุดท้ายเจ้าหน้าที่ บก.สก.บช.ปส. จับกุมนายเอีย มิ้งไซย สัญชาติลาว โดยสามารถจับกุมได้จับกุมได้ที่อ.เมือง จ.มุกดาหาร การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากนายเอีย มีพฤติกรรมลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 6 ครั้งและทำหน้าที่กดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆในตัวอ.เมือง จ.มุกดาหาร และนำเงินสดข้ามกลับไปยังแขวงสะหวันนะเขต ประเทศลาว ซึ่งตรวจสอบแล้วเป็นเงินค่ายาเสพติดที่โอนมาจากจังฟวัดทางภาคใต้ของไทย ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าสำหรับนายเอีย เป็นกลุ่มของท้าวอุไท คำอวน ซึ่งเป็นเครือข่ายของท้าวสีสุก ดาวเรือง และนายไซซะนะ แก้วพิมพา ราชายาเสพติดชาวลาว

      สำหรับปฎิบัติการชัยยะ สยบไพรี 60/4 เป็นการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวนหลายหน่วยงาน ซึ่งมีเป้าหมายมุ่งอายัดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดของนายไซซะนะ เครือข่ายท้าวสีสุก ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายของนายอุสมาน สะแลแมง ผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีการนำยาเสพติดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปส่งยังพื้นที่ภาคใต้ และประเทศมาเลเซีย ซึ่งหนึ่งในการปฏิบัติการที่สำคัญคือการนำกำลังยึดทรัพย์สินเครือข่ายของท้าวสีสุกที่จังหวัดอุดรธานี ได้ทรัพย์สินทั้งรถยนต์หรู โฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างทรัพย์สินอื่นๆรวม 100 ล้านบาท โดยก่อนก่อนหน้านี้ทางการลาวยึดทรัพย์สินท้าวสีสุก 200 ล้านบาทแล้ว 

     ทั้งนี้เครือข่ายยาเสพติดสำคัญมี 4 เครือข่าย ซึ่งตำรวจปส.สามารถจับกุม และยึดทรัพย์สิน จำนวนมาก ไปแล้ว3 เครือข่าย ประกอบด้วยท้าวสีสุก ที่ยึดกว่า 300ล้านบาท , ท้าวพรประสงค์ที่ทางการลาวจับกุม ยึดทรัพย์สินได้ 400 ล้านบาท ,และเครือข่ายนายไซซะนะ ยึดที่ดิน ทรัพย์สินอื่นๆรวม 300 ล้านบาท ขณะที่อีก 1 เครือข่าย คือเครือข่ายนายอุสมาน สะแลแมง ที่เปลี่ยนชื่อหลบหนีอยู่ในลาว ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการประสานทางการลาว กัมพูชา และมาเลเซีย เพื่อติดตามตัวเนื่องจากเชื่อว่านายอุสมานหลบหนีออกจากลาวแล้วเนื่องจากการกดดันจากฝั่งเจ้าหน้าที่