นายพิสิฐ รังสฤษฎ์วุฒิกุล เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ตรวจและติดตามความคืบหน้าโครงการร้าน มอก. ณ บริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีว่า หลังจากเปิดตัวโครงการร้าน มอก. เมื่อเดือนกันยายน 2559 เมื่อเร็วๆ นี้ สมอ. จึงได้ลงพื้นที่แนะนำโครงการ ร้าน มอก. 8 พื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ อุดรธานี นครปฐม อุบลราชธานี ขอนแก่น และชลบุรี พร้อมกับเชิญชวนร้านจำหน่ายในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศให้เข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับส่งเสริมจัดสัมมนาให้ความรู้เรื่องร้าน มอก. กับผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการและเจ้าของร้านค้าได้รับรู้และทราบหลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการร้าน มอก. และประโยชน์ที่จะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ ตลอดจนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อดีของร้านโมเดิร์นเทรดหลังรับป้ายร้าน มอก.
ผลการลงพื้นที่ดังกล่าว สมอ.ได้รับการตอบรับเป็นที่น่ายินดี เนื่องจากมีร้านค้าจำหน่ายที่ให้การสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการร้าน มอก. เพิ่มเป็นลำดับ อีก 12 ราย โดยในจำนวนนี้ มี 5 ราย รวม 7 สาขา ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการพิจารณาแล้ว ได้แก่ ร้านวงศธรวัสดุภัณฑ์ 1999 จำกัด จังหวัดเชียงใหม่ บริษัทโฮมสุขภัณฑ์ จำกัด จังหวัดเชียงใหม่ 2 สาขา ร้านไพโรจน์โลหะกิจ จังหวัดพิษณุโลก หจก.เสาเอกซีเมนต์ จังหวัดพิษณุโลก และร้าน ธนพัฒน์สตีล จังหวัดนครสวรรค์ ส่วนร้านค้าที่เหลืออยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาขออนุมัติเพื่อออกใบรับรองให้เป็นร้านมอก. และอนุญาตให้ใช้ป้ายสัญลักษณ์ “ร้าน มอก.” เพื่อไปประกอบการดำเนินธุรกิจได้ต่อไป
ร้านจำหน่ายที่ได้รับป้ายสัญลักษณ์ไปก่อนหน้านี้แล้วมีจำนวน 8 ราย รวม 434 สาขา ดังนี้ 1.บริษัทซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด จำนวน 42 สาขา 2. บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 40 สาขา 3.บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) จำนวน 98 สาขา 4.บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้ โลตัส) จำนวน 173 สาขา 5.บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 78 สาขา 6.บริษัท ไฟฟ้าชัยมงคล จำกัด 7.บริษัท ฮ. รุ่งเรืองดิจิตอล (2000) จำกัด และ 8. บริษัท ฮ. รุ่งเรือง จำกัด
ส่วนจังหวัดที่ต้องลงพื้นที่ตรวจโครงการพร้อมกับแนะนำโครงการในระยะต่อไปของปีนี้จะยังมีอีก 3 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ระยอง และสุราษฎร์ธานี เพื่อให้ครบจำนวน 12 จังหวัดตามเป้าหมายที่ตั้งไว้และจะดำเนินการในระยะต่อไปให้ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์โครงการที่ผลักดันร้านค้าให้จำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค และให้เป็นไปตามนโยบายประชารัฐของรัฐบาล ที่ภาครัฐและเอกชนร่วมกันคุ้มครองความปลอดภัยในคุณภาพสินค้าแก่ประชาชนและผู้บริโภค
นายพิสิฐ กล่าวอีกว่า คุณสมบัติของร้านค้าทั่วไปที่จะเป็น “ร้าน มอก.” ได้จะต้อง 1. เป็นร้านจำหน่ายที่มีสถานที่ตั้งในประเทศไทย และมีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล หรือทะเบียนการค้า หรืออื่นๆ ที่เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2.จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นไปตามพระราชบัญญัติ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากผู้ทำ หรือผู้นำเข้าที่มีใบอนุญาตทำผลิตภัณฑ์ที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน หรือ มีใบอนุญาตนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน กรณีจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ต้องมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่แสดงเครื่องหมายมาตรฐานด้วย
สำหรับเกณฑ์การพิจารณา “ร้าน มอก” นั้นจะต้องมีการคัดเลือกผู้ทำ ผู้นำเข้า หรือผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ได้รับใบอนุญาตจาก สมอ. มีการตรวจรับผลิตภัณฑ์เพื่อการยืนยันว่าเป็นไปตามข้อกำหนดของร้านจำหน่าย มีกระบวนการรับข้อร้องเรียนและดำเนินการกับข้อร้องเรียน และมีการจัดเก็บบันทึก ผลการดำเนินงานอย่างชัดเจน
“สมอ. มีเป้าหมายให้โครงการร้าน มอก. สร้างการรับรู้ให้ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกร้านค้าจำหน่ายสินค้าที่ได้มาตรฐาน ร่วมกันคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากการใช้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และเป็นกลไกสำคัญทางการตลาดในการผลักดันให้ผู้ประกอบการที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภคโดยผลิตสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานออกสู่ท้องตลาด ไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้ โดย สมอ. ตั้งเป้า “ร้าน มอก.” จะต้องเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี และกระจายทั่วประเทศ เพื่อยืนยันว่าผู้บริโภคจะปลอดภัยจากการใช้สินค้าอุตสาหกรรม และตอกย้ำความเชื่อมั่นในเครื่องหมาย มอก.
สำหรับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่เป็นมาตรฐานบังคับและอยู่ในการกำกับดูแลของ สมอ. มีจำนวน ทั้งสิ้น 106 ชนิดในหลายสาขาที่สำคัญ ได้แก่ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น หลอดไฟ พัดลม บัลลาสซ์ เป็นต้น 2.กลุ่มสินค้าอุปกรณ์และวัสดุก่อสร้าง เช่น ก๊อกน้ำ ฝักบัว สี เหล็กเส้น โถส้วม เป็นต้น 3. สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ของเล่นเด็ก ผงซักฟอก เป็นต้น รวมผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตมาตรฐาน บังคับ มอก. แล้วกว่า 3,000 ราย โดยที่ยังไม่นับรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นมาตรฐานทั่วไปอีกเป็นจำนวนมาก