ข่าว

ยกฐานะ"แม่สอด"นครปกครองพิเศษเบิกทางตั้งเขตศก.-รุกสู้เขตการค้าเมียวดี

ยกฐานะ"แม่สอด"นครปกครองพิเศษเบิกทางตั้งเขตศก.-รุกสู้เขตการค้าเมียวดี

07 ก.ย. 2552

ในบรรดาหัวเมืองการค้าชายแดนระหว่างประเทศเพื่อนบ้านกับภาคเหนือ อ.แม่สอด จ.ตาก นับเป็นด่านการค้าชายแดนไทย-พม่า ติดอันดับหนึ่งที่มีมูลค่าการค้าไม่ต่ำกว่าปีละ 1 หมื่นล้านบาท และด้วยนโยบายการกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ของรัฐบาลชุดนี้ ได้เน้

การผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เป็นการรวบรวมพื้นที่เทศบาลเมืองแม่สอด, เทศบาลตำบลท่าสายลวด และ อบต.แม่ปะ มาอยู่ด้วยกัน เพื่อสนับสนุนการยกระดับสู่การปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ "นครแม่สอด" ขั้นตอนล่าสุด อยู่ระหว่างการนำเสนอ ครม.หากผ่านก็จะมีการร่างพ.ร.บ.นครแม่สอดขึ้นมา ประการสำคัญยังสอดคล้องกับมติครม.เมื่อปี 2547 ได้ประกาศให้ อ.แม่สอด เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษอีกด้วย

- ทม.แม่สอดดันแจ้งเกิดนิคมอุตสาหกรรมฯ

 นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองแม่สอด กล่าวว่า อ.แม่สอดเป็นเมืองค้าชายแดนเชื่อมต่อกับพม่า และผ่านไปยังยุโรปได้ มีการค้ากับประชากรกว่า 2,000 ล้านคน โดยแต่ละปีมีมูลค่าการค้าภาพรวมหลายหมื่นล้านบาท ดังนั้น จึงมีจุดเด่นที่จะผลักดันให้เกิดนิคมอุตสาหกรรมในอนาคต ซึ่งปัจจุบัน การส่งออกสินค้าบางรายการไม่สามารถดำเนินการได้ กลายเป็นช่องว่างให้มีการส่งสินค้านอกระบบ ทำให้สูญเสียรายได้ที่ควรจะได้จากการจัดเก็บภาษีเป็นจำนวนมาก

 "แถมแม่สอด ยังเป็นจุดสำคัญที่ต้องส่งสินค้าไปสู้กับจีนและสิงคโปร์ แต่ปัจจุบันสินค้าไม้ หยก วัว ควาย ไม่สามารถส่งเข้าออกทาง อ.แม่สอด ได้ ทำให้พม่าหันไปส่งสินค้าผ่านจีน สิงคโปร์แทน ซึ่งการทำให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนและนิคมอุตฯ ได้นั้น ต้องอาศัยผลพลอยได้จากการเกิดการปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ เพราะจะมีเอกภาพในการบริหารจัดการ โดยคาดจะผลักดันให้มีมูลค่าการค้าชายแดนไม่ต่ำกว่าปีละ 1 แสนล้านบาท"

- เร่งสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน

 นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้า จ.ตาก กล่าวว่า ถึงอย่างไรการยกฐานะการปกครองท้องถิ่น รูปแบบพิเศษ "นครแม่สอด" ก็ต้องเกิดขึ้นเพราะโดยศักยภาพแล้วถือเป็นระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ฉะนั้น ในอนาคต อ.แม่สอด จะมีนักท่องเที่ยวมาใช้จุดผ่านแดนมาก จึงต้องเตรียมเมืองให้พร้อม โดยเฉพาะระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ทั้งสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่าแห่งที่ 2 ตลอดจนหาพื้นที่จุดผ่านแดนขนาดใหญ่ รองรับการคมนาคม และสินค้าผ่านแดนจำนวนมหาศาล

 "ต้องยอมรับว่า จ.เมียวดี ประเทศพม่า พัฒนาก้าวหน้ากว่าไทย และได้ยกฐานะเป็นเขตการค้าเมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด มีพื้นที่ 500 เอเคอร์ และพร้อมขยายเป็น 1,000 เอเคอร์ อีกทั้งมีความชัดเจนด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน รวมถึงการบริหารจัดการเมือง ทางพม่าได้จัดทำระบบเป็นวันสต็อปเซอร์วิส ทุกอย่างเสร็จสิ้น ณ จุดนี้ในการนำเข้าและส่งออกสินค้า"

 ขณะเดียวกัน ผู้บริหารที่ดูแลเขตการค้าชายแดนเมียวดี ก็ประสานกับรัฐบาลกลางโดยตรง มีหน้าที่กำกับดูแลการค้าชายแดน และกฎระเบียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันพม่ามีเขตการค้าเชื่อมชายแดนจีน และชายแดนไทยเกือบสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ทางไทยยังไม่มี ทางหอการค้าเห็นว่าตอนนี้ควรชัดเจนในการวางระบบการบริหารจัดการเมือง โดยเฉพาะประเด็นสำคัญ คือ ต้องประสานงานกับรัฐบาลกลางได้โดยตรง รวมถึงมีการจัดสรรงบประมาณให้แก่พื้นที่ เพื่อมาพัฒนารองรับสิ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต

 นายชัยยุทธ เสณีตันติกุล ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ตาก กล่าวว่า ถึงเวลาที่ภาครัฐ และเอกชนในพื้นที่จะต้องตื่นตัวกับการเปลี่ยนแปลงทางการค้าชายแดนที่เกิดขึ้น สิ่งหนึ่งต้องยอมรับว่า อ.แม่สอด ถูกประกาศเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษมาตั้งแต่ปี 2547 แต่ติดขัดด้านกฎหมาย และงบประมาณทำให้ทุกอย่างล่าช้า แต่เมื่อมีการยกฐานะสู่การปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ "นครแม่สอด" จะเป็นตัวเร่งให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม และมีนิคมอุตสาหกรรมเกิดขึ้นทันที

 "ภาคอุตสาหกรรมการผลิต อ.แม่สอด แต่ละปีมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท แต่เชื่อมั่นว่าหลังจากนี้ไป เมื่อมีเอกภาพในการบริหารจัดการเมือง มูลค่าจะเพิ่มเท่าตัวใน 3 ปี ขณะที่การค้าชายแดนที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1-2 หมื่นล้านบาท จะเพิ่มอีก 3 เท่าตัว ส่วนการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง จะจำกัดให้เป็นการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมสะอาดที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมของเมือง" นายชัยยุทธ กล่าว

สกาวรัตน์ ศิริมา