ข่าว

โผล่อีกตุ๋นลงทุนครีบบำรุงผิวสูญกว่า50ล้าน

โผล่อีกตุ๋นลงทุนครีบบำรุงผิวสูญกว่า50ล้าน

24 เม.ย. 2560

 เหยื่อแห่แจ้งความถูกหลอกลงทุนตั้งแต่หลักหมื่น-ล้าน   

     วันที่ 24 เมษายน นางรัศมี ดวงพระจันทร์ อายุ 49 ปี พร้อมผู้เสียหาย รวม 15 คน  เข้าพบ พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ เจ้าของบริษัทผลิตภัณฑ์บำรุงผิวยี่ห้อหนึ่ง ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน โดยนำเอกสารหนังสือสัญญาร่วมลงทุน สลิปโอนเงินทางบัญชีธนาคาร และเอกสารที่เกี่ยวข้อง มามอบไว้เป็นหลักฐาน

       นายเอ (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนรู้จักกับเจ้าของผลิตภันฑ์เนื่องจากเคยทำงานในสายงานก่สร้างมาด้วยกัน และได้รับการชักชวนให้ร่วมลงทุนธุรกิจผลิตครีมบำรุงผิว โดยอ้างว่ามีพี่คนหนึ่งทำงานบริษัทผลิตครีม จึงได้ตัดสินใจลงทุนครั้งแรก 2 แสนบาท โดยช่วงแรกได้เงินปันผลจริง 30% ของเงินลงทุน ต่อมาได้มีการขอให้ลงทุนเพิ่มอีกรวมเป็น 5 ล้านบาท เนื่องจากทางเจ้าของอ้างว่าต้องผลิตสินค้าเพิ่ม เพราะสินค้ากำลังขายดี และมีการส่งออกไปต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สวีเดน ฮ่องกง ฯลฯ โดยที่มีเอกสารที่ระบุว่าการส่งออก แต่ตนก็ไม่ทราบว่าใช่เอกสารส่งออกสินค้าจริงหรือไม่ ต่อมาช่วงหลังๆ ก็ไม่มีการส่งเงินปันผลให้อีก ขณะนั้นตนก็ยังไม่ทราบว่ามีการระดมทุนกันเยอะขนาดนี้ 

     นายเอ กล่าวอีกว่า ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีตัวแทนรายย่อยที่เจ้าของบริษัทไประดมทุนมา โดยบางรายก็ลงทุนไปเป็นหลักหมื่นถึงหลักแสน หรือแม้แต่ลงทุนไปหลักล้านก็มี ซึ่งตนเพิ่งมารู้ภายหลัง เมื่อเขาหลบหนีไปแล้ว เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ต่อมากลุ่มผู้ลงทุนได้คุยกันในแอพพลิเคชั่นไลน์ โดยยอดรวมเท่าที่ทราบเกิดความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท ก่อนจะรวมตัวกันเดินทางไปทวงถามที่บ้านเจ้าตัว แต่ปรากฏว่าตัวไม่อยู่แล้ว รวมทั้งคนในครอบครัวเขาด้วย

       “ธุรกิจนี้เหมือนเป็นธุรกิจของครอบครัวเขา ไม่ได้ทำอะไรกันเลย เขาจะขายครีมตัวนี้โดยตรงเพียงอย่างเดียว ซึ่งวันนั้นที่ไปทั้งหมด 4 แห่ง คือบ้านเขา 2 หลัง และร้านขายสินค้าของเขา ซึ่งปรากฏว่าปิดไปหมดทั้ง 4 ที่ หมายเลขโทรศัพท์ก็ไม่สามารถติดต่อใครได้เลย ” นายเอ กล่าว

        นายเอ กล่าวว่า จากการติดต่อกับญาติของเจ้าของผลิตภัณฑ์นั้นบอกว่าหากกู้เงินธนาคารได้ จะยอมคืนเงินลงทุนให้แค่คนที่ไม่แจ้งความดำเนินคดีเท่านั้น ส่วนใครที่แจ้งความดำเนินคดี ก็ขอให้ไปฟ้องร้องเอาเองจะไม่คืนเงินให้ แต่หลังจากเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากเดินทางไปติดตามทวงถามอีกครั้ง เพื่อจะขอเงินคืนก็ไม่พบใครและติดต่อไม่ได้อีกแล้วจึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความในครั้งนี้

        ขณะที่ นางรัศมี กล่าวว่า ตนทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ที่สหรัฐอเมริกา รู้จักกับผลิตภัณฑ์ครีมดังกล่าวจากญาติที่อยู่ประเทศไทย โดยได้ศึกษาข้อมูลของครีม ก่อนจะตัดสินใจนำเงินมาร่วมลงทุน ซึ่งครั้งแรกได้เปิดสาขานำสินค้าออกวางจำหน่ายที่สหรัฐฯ โดยแต่ละเดือนสามารถขายได้ประมาณ 50 ชุด ในราคาชุดละ 100 ดอลล่าร์สหรัฐฯ จากนั้นทางเจ้าของผลิตภัณฑ์ก็ได้ติดต่อมามาว่ามีรายการสั่งซื้อครีมนี้จากประเทศจีน หากสนใจลงทุนด้วยจะได้รับเงินปันผล 30% จากเงินลงทุน ซึ่งจากการพูดคุยกัน ตนก็สนใจและว่าจะลงทุนเป็นเงิน 1.25 ล้านบาท โดยใช้เวลาประมาณ 2 เดือน จึงจะได้รับเงินต้นและเงินปันผลคืน แต่เมื่อครบกำหนดแล้วก็ยังไม่เงินคืน ก่อนจะถูกชักชวนให้ลงทุนต่อ กระทั่งเมื่อช่วงต้นปี 2560 ตนพยายามทวงถามและขอเงินลงทุนคืน กลับถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด

         นางกาญจนา ฉายาลักษณ์ ผู้เสียหายที่เป็นผู้ผลิตครีมให้กับบริษัทดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนได้รับความเสียหายจากเจ้าของแบรนด์โกงเงินค่าผลิตครีม เป็นเงิน 5.1 ล้านบาท โดยหลังจากผลิตสินค้าส่งให้แล้วและมีการทวงเงินที่ตกลงจ่ายกันเป็นงวด กลับถูกบ่ายเบี่ยง อ้างว่าเงินที่จะได้เป็นเงินก้อนใหญ่มาจากต่างประเทศ แต่ติดปัญหาเรื่องการโอนเงิน

      ด้าน พล.ต.ต.สุทิน กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้ ก่อนจะมอบหมายให้พนักงานสอบสวน สอบปากคำ และหากข้อเท็จจริงประกอบพยานหลักฐานต่างๆ เป็นไปตามคำให้การของผู้เสียหาย กรณีนี้ก็จะเข้าข่ายเจตนาหลอกลวง ซึ่งเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยขณะนี้พบว่ามีมูลค่าความเสียหายประมาณ 50 ล้านบาท สำหรับการพิจารณาดำเนินคดีก็คงต้องเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย