ข่าว

รวบแก๊งมาเฟียต่างชาติคุมแหล่งท่องเที่ยว

รวบแก๊งมาเฟียต่างชาติคุมแหล่งท่องเที่ยว

20 มี.ค. 2560

สตม.รวบแก๊งมาเฟียต่างชาติ ข่มขู่-คุกคามแหล่งท่องเที่ยวพัทยา บางรายหนีคดีหมายจับตร.สากลทั้งคดียาเสพติดและคดีการเงิน

          เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 มีนาคม ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร ผบก.สส.สตม.พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน รอง ผบก.สส.สตม พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง ผกก.ตม.ชลบุรี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ภาค 2 และเทศบาลเมืองพัทยา แถลงผลการระดมกวาดล้างแก๊งมาเฟียและกลุ่มผู้มีอิทธิพลต่างชาติ ตั้งตัวเป็นขาใหญ่ ข่มขู่ คุกคาม เกี่ยวพันธุรกิจมืดตามแหล่งท่องเที่ยว สามารถจับกุมชาวรัสเซียและยุโรปตะวันออกได้จำนวนมาก ซึ่งมีอาชญากรข้ามชาติหนีคดีรวมอยู่ด้วยหลายคน จับกุมได้ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
          พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวว่า  เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 2 และตำรวจ สภ.เมืองพัทยา สนธิกำลังกวาดล้างชาวต่างชาติผิดกฎหมาย ที่ตั้งเป็นกลุ่มแก๊งอิทธิพลและประสานข้อมูลกับทูตตำรวจของแต่ละประเทศและตำรวจสากลอย่างใกล้ชิด จนนำไปสู่การจับกุมคนต่างชาติผิดกฎหมายได้เป็นจำนวนมาก ได้แก่ชาว รัสเซีย 6 ราย ยูเครน 1 ราย เบลารุส 1 ราย อุซเบกิสถาน 4 ราย โมร็อคโค 1 ราย และอิหร่าน 1 ราย รวม 14 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีอาชญากรชาวรัสเซียหนีคดีสำคัญที่มีทั้งหมายจับของตำรวจรัสเซียและหมายจับตำรวจสากลในคดีที่เกี่ยวยาเสพติดและคดีการเงินรวมอยู่ด้วย บุคคลเหล่านี้เข้ามาตั้งแก๊งลักลอบทำงานและประกอบธุรกิจมืดที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร สถานบันเทิง ธุรกิจให้เช่ารถ จัดหาหญิงจากยุโรปตะวันออกเพื่อการค้าประเวณี และยาเสพติด มีสมุนคอยติดตาม อาชญากรข้ามชาติรัสเซียที่มีหมายจับตำรวจรัสเซียและหมายแดงตำรวจสากลรายสำคัญ ประกอบด้วย
          รายแรก นายอเล็กซานเดอร์ ดานีล๊อฟ อายุ 43 ปี สัญชาติรัสเซีย มีพฤติการณ์ตั้งตัวเป็นมาเฟียในพื้นที่พัทยา มีลูกสมุนในแก๊งหลายคน เกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด พบประวัติเคยถูกจับกุมและดำเนินคดีข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน นอกจากนี้ยังพบว่าถูกทางการรัสเซียออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมจนได้ข้อมูลแน่ชัด จึงได้เข้าควบคุมตัวได้ในพัทยา จ.ชลบุรี 
          นายอเล็กซานเดอร์ให้การรับสารภาพว่า เคยถูกจับในคดียาเสพติดมาก่อน และหลบหนีคดีมาอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวที่พัทยาและภูเก็ต ถือได้ว่าบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์เป็นภัยสังคม เข้าลักษณะต้องห้าม จากข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกพบว่า นายอเล็กซานเดอร์ เข้ามาและได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2555 ปัจจุบันอยู่เกินกำหนด เป็นระยะเวลาถึง 4 ปี 7 เดือน 18 วัน จึงได้แจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด”
          รายที่สอง นายมิคาอิล กรีเวนท์ซอฟ สัญชาติรัสเซีย บุคคลตามหมายจับตำรวจสากล ในข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษด้วยผิดกฎหมาย (เฮโรอีน)” คดีนี้ สตม.ได้รับการประสานจากสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ว่ามีบุคคลที่ทางการรัสเซียต้องการตัวหลบหนีเข้ามาในประเทศ และตั้งตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองพัทยา ต่อมาเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมนายมิคาอิลได้ที่ จ.เลย และตรวจสอบพบว่า ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ถึงวันที่ 11 มิถุนายน 2559 ปัจจุบันอยู่เกินกำหนดอนุญาต มากกกว่า 9 เดือน เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” 
          รายที่สาม นายอันทอน ฟีลิพพอฟ สัญชาติรัสเซีย เป็นบุคคลที่ทางการรัสเซียต้องการตัวในคดี “จงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลและหลบหนี” ปัจจุบันทางการรัสเซียได้เพิกถอนหนังสือเดินทาง จับกุมได้ที่ พัทยา จ.ชลบุรี เดินทางเข้ามาทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ได้รับอนุญาตให้อยู่ถึงวันที่ 30 เมษายน 2560 สตม.ได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
          รายที่สี่ถือเป็นรายสำคัญ นายเซอเก้ มารีฟ สัญชาติรัสเซีย บุคคลตามหมายจับตำรวจสากล และตำรวจรัสเซีย จากการสืบสวนทราบว่านายเซอเก้ใช้ชีวิตแบบเพลย์บอยอยู่ในพัทยา คบหาและมีเพศสัมพันธ์กับหญิงไทยหลายคนตามแหล่งท่องเที่ยว ก่อนจะติดตามจับกุมไว้ได้ นายเซอเก้ให้การว่า เป็นบุคคลตามหมายจับตำรวจสากลจริง และยอมรับว่าตนเป็นโรคติดต่อร้ายแรง หลบหนีจากรัสเซีย มาใช้ชีวิตเพลย์บอย ในเมืองไทย 
          ทั้งนี้ นายเซอเก้เข้ามาทางด่านตรวจคนเข้าเมืองจ.หนองคาย เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2560 ด้วยวีซ่าประเภท นักท่องเที่ยว (60 วัน) ได้รับการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2560 สตม. ได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
          สำหรับ รายที่ 5-14 เป็นชาวรัสเซียและชาวยุโรปตะวันออกที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต อีกจำนวน 10 ราย ทั้งหมดถูกจับกุมในข้อหาต่างๆ เช่น ลักลอบทำงาน ทำงานผิดประเภท อยู่เกินกำหนด  และเป็นบุคคลที่มีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่าจะเป็นภัยต่อสังคม
          พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาสตม.ได้รับข้อมูลจากการสืบสวนและจากประชาชนตามจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว เกี่ยวกับแก๊งมาเฟียต่างชาติโดยเฉพาะคนรัสเซีย ได้เข้ามาทำธุรกิจแย่งอาชีพคนไทย เปิดสถานบริการ บาร์เบียร์ ร้านขายของ ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยกัน มีการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค กระทบถึงภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศไทย นอกจากนี้ยังตั้งตนเป็นขาใหญ่ ข่มขู่ คุกคาม คนต่างชาติด้วยกันเอง และสร้างความเดือดร้อนให้คนไทยและชาวต่างชาติ เกี่ยวข้องกับธุรกิจมืด อาทิ ขบวนการยาเสพติด, หลอกลวงและจัดหาหญิงต่างชาติ มาเพื่อให้บริการทางเพศ ซึ่งเป็นต้นเหตุของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นตามแหล่งท่องเที่ยวที่ผ่านมา