ข่าว

จับ2พนักงานเอสซีค้นหาต้นตอแพร่คลิป

จับ2พนักงานเอสซีค้นหาต้นตอแพร่คลิป

01 ก.ย. 2552

รวบ 2 พนักงานบริษัทน้องสาวทักษิณ ส่งเมลคลิปเสียงนายกฯ พร้อมค้น "บ.เอสซี" พท.ร้อนรนปัดเกี่ยว-ไม่ใช่ต้นตอ พรรคร่วมเพิ่มแรงบีบดัน "ชวน" ขึ้นแท่น "มาร์ค" ผ่อนแรงบีบเปิดทางแก้ รธน. 6 ปม กกต.เล็งพิจารณา "พรทิวา-ถาวร" ถือหุ้น 2 ก.ย.

ผลกระทบจากการเผยแพร่คลิปเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยอ้างว่าเป็นการสั่งการให้ใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในช่วงสงกรานต์เลือดนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาที่คาดว่าจะเป็นผู้เผยแพร่คลิปดังกล่าวที่รัฐบาลยืนยันว่าเป็นการตัดต่อ

 ล่าสุดวันที่ 30 สิงหาคม ชุดสืบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการกองปราบปราม (กก.1 ป.) จับกุมผู้ที่เผยแพร่คลิปได้ 2 คน คือ นายสมศักดิ์ แซ่อึง อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2511/2552 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2552 ข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 181/8 ซอยประสานสารบรรณ แขวงและเขตดินแดง กทม.

 ผู้ต้องหารายที่ 2 คือ น.ส.กันทิมา แต้มครู อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 61/2 หมู่ 6 ต.ศรีสัชนาลัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2512/2552 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2552 จับกุมได้ที่ห้อง 307 อาคารปิ่นมาลีอพาร์ทเม้นท์ แขวงและเขตจตุจักร กทม.

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองมาได้แล้ว พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และ พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. เดินทางมายังกองปราบปราม เพื่อสอบสวนผู้ต้องหาด้วยตัวเอง เบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองเป็นพนักงานบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อาคารชินวัตร 3 ถ.วิภาวดีรังสิต แต่ผู้ต้องหาทั้งสองขอให้การในชั้นศาล จากนั้นทั้งคู่ใช้เงินสดคนละ 1 แสนบาท เป็นหลักทรัพย์ยื่นประกันตัว ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัวออกไปได้

 นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า พล.ต.ท.ไถง มีคำสั่งห้ามตำรวจที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลใดๆ แก่สื่อมวลชน เนื่องจากมีการปรึกษากับผู้ใหญ่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าผู้ต้องหาทั้งสองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดต่อคลิปเสียง แต่เป็นเพียงผู้ส่งไฟล์คลิปเสียงผ่านอีเมลของบริษัท โดยที่มาของคลิปเสียงนั้นพบว่าหนึ่งในผู้ต้องหาได้รับแจกแผ่นซีดีคลิปเสียงมาอีกต่อ จากนั้นนำไฟล์ไปแปลงเพื่อส่งผ่านอีเมลของบริษัท ตำรวจกำลังสอบสวนขยายผลว่าได้ซีดีมาจากใคร และจะเข้าค้นบริษัทของผู้ต้องหาด้วย

ตร.ค้นเอสซีฯ ยึดพีซี-โน้ตบุ๊กตรวจสอบ

 ต่อมาเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป. สั่งการให้พนักงานสอบสวน บก.ป. ประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี (ศตท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นโต๊ะทำงานของนายสมศักดิ์ และ น.ส.กันทิมา ที่บริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แผนกธุรกิจสัมพันธ์ ชั้น 19-20 อาคารชินวัตร 3

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ ศตท.ได้นำอุปกรณ์โคลนนิ่งข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงานผู้ต้องหามา รวมทั้งคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของพยานบางคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานของผู้ต้องหาทั้งสองมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกด้วย

 อย่างไรก็ตาม ฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำเอกสารชี้แจงของบริษัทมาแจกจ่ายให้แก่สื่อมวลชน โดยยืนยันว่าบริษัทมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลทางคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับคลิปเสียงของนายกฯ

ทนายแม้วยันผู้ต้องหาได้เมลจากที่อื่น

 นายพิชิฏ ชื่นบาน ในฐานะที่ปรึกษาด้านกฎหมายตระกูลชินวัตร และอดีตทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยอมรับว่า พนักงานทั้งสองมีคลิปเสียงนายกฯ จริง แต่ได้รับฟอร์เวิร์ดเมลมาจากที่อื่น ไม่ได้เป็นผู้ผลิตหรือตัดต่อคลิป เพียงแต่เผยแพร่คลิปเสียงเท่านั้น

 รายงานข่าวแจ้งว่าเพื่อนของ น.ส.กันทิมา เป็นผู้ได้รับแผ่นซีดีคลิปเสียงมาจากผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งยืนแจกแผ่นซีดีอยู่ที่ท่ารถตู้โดยสารบริเวณท่ารถตู้ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงได้นำมาเปิดฟัง และคิดจะส่งให้เพื่อนทางอีเมล แต่ไม่สามารถส่งผ่านอีเมลได้ จึงไปขอความช่วยเหลือจากนายสมศักดิ์เพื่อนร่วมงานในแผนกเดียวกันจัดการแปลงไฟล์ จากนั้นนายสมศักดิ์จึงส่งไฟล์ดังกล่าวกลับมาให้ น.ส.กันทิมา ทางอีเมล ก่อนที่ น.ส.กันทิมา จะส่งต่อไปให้เพื่อนๆ เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต ส่วนซีดีที่ได้มานั้นหลังจากแปลงไฟล์เรียบร้อยแล้วก็ได้หักทิ้งไปทันที

 รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นายสมศักดิ์เป็นผู้นำคลิปเสียงดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เป็นคนแรก และส่งต่อให้ น.ส.กันทิมาเพียงคนเดียว โดยใช้ชื่อไฟล์ในการส่งว่า “คลิป ฟอร์ ยู” แต่ไม่ได้ส่งต่อไปให้คนอื่นๆ ส่วน น.ส.กันทิมา ได้ส่งต่อไปให้เพื่อนอีก 6 คน

ตร.เผยสืบถึงต้นตอ-ขบวนการได้แล้ว

 พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 2 ราย โดย ผบช.ก.มอบหมายให้ตนเป็นหัวหน้าชุดสอบสวน ซึ่งได้แบ่งทีมงานออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.ขั้นตอนการทำหรือตัดต่อคลิป 2.สืบสวนเรื่องการนำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ และ 3.การนำคลิปดังกล่าวออกเผยแพร่สู่สาธารณะ ซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก ได้ทำการขยายผลไปถึงต้นตอ รวมถึงบุคคลที่ร่วมขบวนการในการผลิตคลิปดังกล่าว ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดมากไปกว่านี้ได้ เพราะจะทำให้เสียรูปคดี

 พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวด้วยว่า อยากฝากเตือนพี่น้องประชาชนที่ได้รับคลิปดังกล่าว อย่าเผยแพร่ต่อ เนื่องจากจะมีความผิดหากถูกจับได้ถูกจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

"สุเทพ"ลั่นไม่รังแก แม้เป็นตระกูลชินวัตร

 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า เรื่องนี้ให้ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย และ ผบ.ตร.รายงานให้ทราบว่าได้ขอหมายศาลไปตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัย และสำนักงานบริษัทเอสซี แอสเสทฯ ได้ว่ากันต่อไปตามเอกสารหลักฐาน 

 เมื่อถามว่า แต่พรรคเพื่อไทยเกรงว่ารัฐบาลจะใช้โอกาสนี้เล่นงานคนในตระกูลชินวัตร นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีแน่ เพราะรัฐบาลไม่แกล้งใครหรอก ว่าไปตามข้อมูลหลักฐาน

"เฉลิม" ยังยันว่าเป็นคลิปของจริง

 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวในกรณีนี้ว่า ตั้งใจที่จะหารือกับนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ว่าจะขอให้นำคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีมาเปิดในที่ประชุมรัฐสภา เพราะมีคนบอกว่าถูกตัดต่อ ตนจึงจะแสดงความเห็นเรื่องการซักค้าน ซึ่งเปรียบเสมือนทนายซักค้านในศาล แสดงกันออกมา มันไม่มีหลักเกณฑ์ การจะเอานายแพทย์มาตรวจคลิปเสียง มันมีตำนานที่ไหนในโลก

 “ขอถามว่าเสียงในคลิปใช่เสียงของคุณอภิสิทธิ์หรือไม่ ซึ่งก็ใช่ ถามว่ามีฉบับเต็มหรือไม่จึงบอกว่ามีการตัดต่อ โอ๊ย ส่งบริษัทกันตนามีการตรวจ แล้วกันตนาทำหนัง ละครไม่ใช่หรือ ไม่ใช่เรื่องเทปที่คุณอภิสิทธิ์ แหมถ้าประธานอนุญาต นักข่าวจะได้เห็นว่าผมแสดงความเห็นว่าข้อเท็จจริงเรื่องนี้มีแนวคิด แนวทางอย่างไร เสียงของคุณอภิสิทธิ์ก็ตอบมาสิว่าตัดตรงไหน ตัดอย่างไร 16 จุด 26 จุด ปัญหาก็คือเสียงคุณอภิสิทธิ์ ผมฟังดูแล้วอาจจะตัดเอาเสียงคนอื่นออกไปก็ได้ งานนี้คุณอภิสิทธิ์ไม่รู้ตัว โดนสหบาทาจากพวกเดียวกันเอง” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

 เมื่อถามว่าถ้านำคลิปเสียงมาเปิดในรัฐสภา ไม่กลัวว่าจะถูกฟ้องหรือ เพราะรัฐบาลยืนยันแล้วว่าเป็นคลิปปลอม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ในรัฐสภาฟ้องได้อย่างไร แต่ถ้าตนไม่มั่นใจ ก็คงไม่ขอเปิดคลิปในรัฐสภา

 ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า ฟังแล้วพบว่ามีส่วนสำคัญ 6 จุดที่น่าเชื่อได้ว่าเป็นคำพูดโดยไม่มีการตัดต่อ จึงต้องการถามให้นายกฯ ชี้แจงในที่ประชุมสภาวันที่ 3 กันยายนนี้ สาระสำคัญน่าจะเป็นการพูดภายหลังการประกาศภาวะฉุกเฉินในช่วงเหตุการณ์เดือนเมษายน และหลังเหตุการณ์ที่มีผู้พยายามทำร้ายนายกฯ เสียงในคลิปมีความยาว 3.42 นาที เป็นเสียงคนเดียวกันตลอด คนที่ออกมาให้ความเห็นว่าตัดต่อไม่ใช่หน้าที่ของตน บริษัทกันตนา อาร์เอส แกรมมี่ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่ขึ้นทะเบียนกับศาล หน่วยงานที่จะตัดสินได้มีหน่วยงานเดียวคือศาล

ชี้เป้าพรรคร่วมส่งเทปให้เสื้อแดง

 แหล่งข่าวระดับแกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า คลิปเสียงที่เป็นต้นฉบับมาจากผู้ติดตามนักการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลคนหนึ่ง ที่นำเทปเข้าไปลักลอบบันทึกเสียงการประชุมลับหลายครั้งกับนายกรัฐมนตรี เช่น การประชุม ผบ.เหล่าทัพ ช่วงสลายการชุมนุมในเดือนเมษายน เมื่อวันที่ 12 เมษายน โดยร่วมมือกับฝ่ายทหารที่ไม่พอใจรัฐบาลเก็บคลิปไว้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง แต่เพิ่งนำมาให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยคนเดือนตุลาคนหนึ่งนำไปให้สถานีดีสเตชั่นนำไปออกอากาศ แล้วส่งต่อถึงพนักงานบริษัทเอสซี แอสเสท และเจ้าหน้าที่พรรคเพื่อไทยในสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นคลิปที่ตัดต่อแล้ว เพื่อต้องการให้กลุ่มเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อโจมตีรัฐบาล

พท.แถลงไม่เกี่ยวข้องตัดต่อคลิป

 ต่อมาพรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีถูกพาดพิงการเผยแพร่คลิปเสียงนายกฯ รัฐมนตรี โดยมีเนื้อหา 4 ประเด็นหลัก คือ

 1.พรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกรณีดังกล่าว และพรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรกล่าวหาหรือใส่ร้ายป้ายสีพรรคเพื่อไทย เพราะอาจเข้าข่ายการใส่ร้ายป้ายสี อันอาจส่งผลต่อการยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้

 2.การให้ข่าวว่าจะฟ้องร้องให้ยุบพรรคเพื่อไทยขอชี้แจงว่ามีกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้อย่างชัดเจน ขออย่าได้ใช้กระแสข่าวเรื่องนี้ทำให้ประชาชนหลงประเด็น และการที่พรรคประชาธิปัตย์พูดเรื่องยุบพรรคในกรณีนี้ พรรคเพื่อไทยกำลังจะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป

 3.กรณีมีเจ้าหน้าที่ของพรรคบางคนได้รับอีเมล หรือส่งต่อเมลไปให้ใครนั้น ขอเรียนให้ทราบว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล และตามข้อเท็จจริงปรากฏว่าได้มีการส่งเมลนี้กันไปมาก่อนแล้วทั่วประเทศ

 4.พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ตั้งคณะกรรมการที่มีความเป็นกลาง และเอาคำพูดที่นายกรัฐมนตรี ฉบับจริงที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาสาระของคลิปทั้งหมด ก่อนการตัดต่อมาแสดงต่อสาธารณชนเพื่อแสดงความจริงใจต่อประชาชน

ร้องหน่วยงานกลาง-เรียกนายกฯสอบ

 นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย รองประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ โดยที่ประชุมมีมติขยายกรอบเวลาการทำงานไปอีก 15 วัน คือ จะไปสิ้นสุดวันที่ 15 กันยายน เพราะต้องการให้การทำงานที่ยังเหลืออยู่เป็นไปอย่างรอบคอบ และไม่อยากให้มีการนำผลสอบของคณะกรรมการไปเป็นเครื่องมือทางการเมือง

 รายงานข่าวเปิดเผยว่า นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ได้เสนอต่อที่ประชุมใหญ่ว่า ขอเลื่อนการสรุปการตรวจสอบออกไปเนื่องจากพบหลักฐานใหม่คือ คลิปเสียงนายกรัฐมนตรี หากเร่งสรุปไป โดยไม่รอฟังข้อเท็จจริง อาจจะไม่เป็นธรรมต่อคนเสื้อแดง

 ขณะที่อนุกรรมการของพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก ไม่เห็นด้วยที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณา เนื่องจากสถาบันที่ยอมรับก็ยืนยันว่ามีการตัดต่อจริง จึงแสดงว่าข้อมูลนี้เป็นเท็จ ไม่ควรให้สาระสำคัญ แต่อนุกรรมการจากพรรคเพื่อไทยแย้งว่า หน่วยงานที่ตรวจสอบอยู่ภายใต้การกำกับการดูแลของรัฐ จึงมองว่าไม่เป็นธรรม ควรใช้หน่วยงานที่เป็นกลาง

 ทั้งนี้ หลังจากมีการถกเถียงกันนานกว่า 3 ชั่วโมง ที่ประชุมใหญ่มีมติให้นำคลิปเสียงนายกฯ ไปตรวจสอบ เบื้องต้นจะเชิญหน่วยงานของรัฐ อาทิ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กองพิสูจน์หลักฐาน รวมถึงองค์กรเอกชน มาให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการในสัปดาห์หน้าเพื่อตรวจสอบคลิปว่าเป็นเสียงของนายกฯ จริงหรือไม่ มีการตัดต่อจริงหรือไม่

“กัลยา” จวก “เฉลิม” พูดเรื่อยเปื่อย

 คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงข้อสังเกตเรื่องคลิปเสียง ที่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่านักวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์คลิปเสียงถูกชี้นำว่า ใครจะไปชี้นำได้ เพราะนักวิชาการและผู้อำนวยการของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) มาอธิบายด้วยตัวเองว่า ใช้นักวิจัยถึง 7 คน ดังนั้น เราพูดสิ่งที่ไม่เป็นความจริงไม่ได้ และกระทรวงก็มีกราฟแสดงให้เห็นเป็นหลักฐานชัดเจนอยู่แล้ว และเครื่องจะไปหลอกไม่ได้อยู่แล้ว

 “คุณเฉลิมคงพูดไปเรื่อยเปื่อย เพราะข้อเท็จจริงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องเป็นข้อเท็จจริงวันยังค่ำ นักวิจัยจะต้องพูดสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าไม่ถูกต้องการคิดค้นอะไรก็ต้องล้มเหลวตลอด คนที่มีความคิดอย่างนี้ถึงทำให้ทุกอย่างล้มเหลว เพราะเครื่องอ่านออกมาว่า “somethink impossible” คือ มีคำแทรกระหว่าง “โดย” และ “เริ่ม” หูเราไม่ได้ยิน แต่เครื่องมันบอกอยู่ระหว่างคำ มีคำว่า “ผมๆ” และ “ไม่ๆๆ” ซ้ำอย่างนี้ เราคงไปบอกเครื่องให้ทำอย่างนี้ไม่ได้ นักวิชาการที่ตรวจสอบมาจากห้องปฏิบัติการภาษามนุษยวิทยาของเนคเทค มีรายชื่อทั้ง 7 ท่านอยู่” รมว.วิทยาศาสตร์ ฯ กล่าว

“เทพไท”แฉคลิปตัดต่อถึง 51 จุด

 นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้ ร.ต.อ.เฉลิม ว่า เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายยืนยันแล้วว่า เป็นการตัดต่อ ร.ต.อ.เฉลิมทำตัวเป็นผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ รู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องลูกตัวเอง ซึ่งจากข้อมูลยืนยันได้ว่า คลิปเสียงได้ตัดต่อมาจากรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ 2 ครั้ง คือ วันที่ 19 เมษายน 2552 ตัดต่อ 19 จุด วันที่ 26 เมษายน 2552 ตัดต่อ 32 จุด

 นายเทพไท กล่าวว่า กระบวนการไล่ล่าหาความจริงของตำรวจคืบหน้าพอสมควร มีการคุมตัวเจ้าหน้าที่บริษัทเอสซี 2 คน ซึ่งตำรวจกำลังขยายผลสอบไปยังพรรคเพื่อไทยอยู่ ซึ่ง ส.ส.และผู้บริหารหลายคนระบุว่า ได้รับซีดีที่เป็นคลิปเสียงจริง โดยเฉพาะนายปลอดประสพ สุรัสวดี ที่เป็นถึงรองหัวหน้าพรรคจะมาพูดง่ายๆ ไม่ได้ว่า มอเตอร์ไซค์มาให้ที่พรรค ซึ่งต้องหาข้อเท็จจริงว่ามีความเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะอาจมีความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 104 ถึงขั้นยุบพรรคได้ ซึ่งเรากำลังรอหลักฐานจากตำรวจเพื่อยื่นให้ กกต.ตรวจสอบ

ปชป.ชี้เผยแพร่ที่ดีสเตชั่นก่อน

 นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอท้า นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่า มีคลิปเสียงของจริงความยาว 4 นาที ซึ่งพร้อมนำมาเปิดเผย หากมีเกียรติภูมิก็ขอให้นำคลิปที่กล่าวอ้างมาพิสูจน์ความจริง จะที่ไหนก็ได้ขอให้กล้าตามที่พูด เส้นทางการส่งเท่าที่ตรวจสอบไม่ใช่เป็นการส่งในเมลขยะ หรือเมลโจ๊ก เพราะเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลสอบสวนทราบว่า มีการเริ่มต้นส่งในประเทศไทยวันที่ 20 สิงหาคม จนถึงวันที่ 26 สิงหาคม

 "ข้อมูลได้ส่งผ่านคนในพรรคเพื่อไทย และคืนเดียวกันเวลา 01.30 น. มีการเผยแพร่คลิปที่สถานีดีสเตชั่น จากนั้นมีการนำไปลงเว็บที่สามารถดาวน์โหลดได้ เข้าเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ฟ้าเดียวกัน และยูทูบ และมีการอัดเป็นซีดีมาเผยแพร่ จนขณะนี้มีการนำข้อมูลมาเผยแพร่ผ่านวิทยุชุมชน จึงขอเตือนว่า จะมีความผิดตามกฎหมาย" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

“สาทิตย์”ชี้“เฉลิม”ต้องรับผิดชอบหากเปิดในสภา

 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม จะขอเปิดคลิปเสียงในสภาว่า คลิปต้นฉบับตนมีรายงานอยู่แล้ว เขาจะเอาคลิปอะไรมาเปิดตัดต่อใช่หรือไม่ ถ้าคลิปตัดต่อแล้วใครจะรับผิดชอบทางกฎหมาย

 "เรื่องคลิปไม่มีใครสงสัยแล้วว่าปลอมหรือไม่ปลอม ส่วนต้นตอเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สาวถึงตัวแล้ว เข้าใกล้แหล่งที่เป็นต้นตออยู่ และเรื่องการเผยแพร่ต่างๆ ก็จะกระจ่างชัดโดยตำรวจ ดังนั้นไม่ควรเอาคลิปมาใช้ เพราะเรื่องจบไปแล้ว" นายสาทิตย์ กล่าว

"หมอพรทิพย์"ยันมีจุดที่ผิดปกติ 62 จุด

 พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการตรวจสอบคลิปเสียงนายกฯ ว่า ภายหลังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ใช้โปรแกรมวิเคราะห์เสียง หรือ โปรแกรม Audacity ตรวจสอบ และออกมายืนยันแล้วว่าเป็นการตัดต่อเสียง 100% และได้รายงานผลเบื้องต้นไปยังนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แต่การพิสูจน์ยังไม่แล้วเสร็จ

 "ขณะนี้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยังร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีทำการแยกเสียงในแต่ละท่อนของคลิปเสียงดังกล่าว เพื่อเปรียบเทียบทำรายงานเพิ่มว่า แต่ละท่อนของคลิปดังกล่าวได้นำเสียงที่นายกฯให้สัมภาษณ์หรือพูดไว้ในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ วันใดบ้าง เพื่อนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ส่วนประเด็นการพิสูจน์ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ เพราะนายกรัฐมนตรียืนยันว่าเป็นเสียงตนเอง ดังนั้น จึงอยู่ระหว่างพิสูจน์ว่าจุดตัดต่อที่พบถึง 62 จุดผิดปกติ" พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าว

 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ทำงานคืบหน้าไปพอสมควร โดยเฉพาะในส่วนของผู้เผยแพร่ เพราะจะมีส่วนช่วยในเรื่องการย้อนกลับไปยังคนทำ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการ เพราะมีข้อกฎหมายอยู่แล้ว

สะพัดพรรคร่วมดันปชป.-พท.เป็นรัฐบาล

 มีรายงานข่าวจากแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เปิดเผยว่า หลังจากแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลได้หารือกันที่บ้านของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการประเมินสถานการณ์การเมืองหลังจากความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างหนักกับกรณีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ แทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ที่จะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือนกันยายนนี้ ขณะเดียวกันยังประเมินว่า พรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้ที่ประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ไม่สามารถที่จะคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศได้ แต่กลับสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้นหลังจากที่พรรคภูมิใจไทย ที่มีนายเนวิน ชิดชอบ เป็นแกนนำคนสำคัญในการผนึกกำลังสีกากี สีเขียว จนกลายเป็นขั้วอำนาจใหม่ที่ทรงอิทธิพลเหนือรัฐบาล

 ทั้งนี้ แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งที่พรรคภูมิใจไทยเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้ผู้ชุมนุม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร และกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นการหาแนวร่วมมวลชนทั้งสองสีเพื่อผนึกกำลัง หลังจากตั้งขั้วอำนาจใหม่เป็นผลสำเร็จ แต่ถูกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลปฏิเสธ เพราะยิ่งเป็นการเพิ่มอำนาจการต่อรองให้ขั้วอำนาจใหม่จนทำให้ภูมิใจไทย ต้องชะลอการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเอาไว้ก่อน หลังจาก นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร รับลูกรีบบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระ รายงานข่าวแจ้งว่า ในการหารือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลครั้งนี้ได้มีการเสนอทางออกสำหรับแก้วิกฤติความขัดแย้งในสังคมโดยการเสนอรัฐบาล 1 บวก 1 คือ ประชาธิปัตย์จับมือกับพรรคเพื่อไทย เพราะทั้งสองฝ่ายต่างมีขั้วอำนาจต่างสีคอยหนุนหลังอยู่

"ดัน"ชวน"นายกฯ-โดดเดี่ยว"เนวิน"

 หากทั้งสองพรรคจับมือกันตั้งรัฐบาลจะทำให้ความขัดแย้งลดลง โดยมีเงื่อนไขว่า จะต้องหาคนที่เหมาะสมมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ใช่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยนี้แกนนำมีการประเมินว่าบุคคลที่เหมาะสมที่สุดคือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีเงื่อนไขที่เหมาะสมคือ เป็น ส.ส.ระบบสัดส่วน เพราะติดเงื่อนไขรัฐธรรมนูญที่ห้ามคนนอกเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยแกนนำพรรคร่วมได้มอบหมายให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลไปเจรจากับนายชวน ข่าวแจ้งว่า สูตรรัฐบาล 1 บวก 1 ครั้งนี้ เป็นแผนเขี่ยพรรคภูมิใจไทยออกนอกวง โดยอาศัยช่องทางของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่จะมีการพิพากษาคดีทุจริตการจัดซื้อกล้ายางพารา ที่นายเนวิน ตกเป็นหนึ่งในจำเลยในสิ้นเดือนกันยายนนี้ ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ต่อสายตรงถึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ให้ออกจากกลุ่มของนายเนวิน เรียบร้อยแล้ว เพราะไม่พอใจบทบาทการนำของนายเนวินในช่วงที่ผ่านมา

แม้วเซย์โนมาร์ค-ปชป.ร้าวหนัก

 มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ รับทราบเงื่อนไขแล้ว แต่ยื่นเงื่อนไขว่าคนที่จะเป็นนายกฯ จะต้องไม่ใช่นายอภิสิทธิ์ และพร้อมที่จะเจรจากับนายสุเทพเพื่อเคลียร์ทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศ ซึ่งจะเห็นได้ว่าแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงขณะนี้ ไม่ได้แตะสถาบันองคมนตรีเหมือนก่อน แต่พุ่งเป้าไปที่นายอภิสิทธิ์เพียงคนเดียวเพื่อให้ลาออกหรือยุบสภา เพราะหากลาออกก็ง่ายต่อการหาคนที่เหมาะสมขึ้นเป็นนายกฯ แทน ส่วนถ้ามีการยุบสภาเข้าสู่การเลือกตั้งใหม่ ก็พร้อมที่จะจับมือตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน นายชวนก็รับทราบเงื่อนไขนี้แล้ว แต่ได้ปฏิเสธ เพราะเกรงว่าจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นสถาบันทางการเมืองเสียจุดยืน ขณะเดียวกันแกนนำพรรคอย่างนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วน และอดีตหัวพรรค ก็ไม่เห็นด้วยแต่นายสุเทพ ยังมีความพยายามหาทางเคลียร์อีกครั้งเพื่อให้ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลนานที่สุด เพราะประเมินกันว่ารัฐบาลอาจอยู่ไม่ถึงสิ้นปี

 รายงานข่าวระบุด้วยว่า สูตรการเมืองดังกล่าวสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์อย่างรุนแรง โดยทั้งกลุ่มผลัดใบและทศวรรษใหม่ ต่างปฏิเสธข้อเสนอของนายสุเทพ เพราะเป็นบุคคลเดียวที่ได้รับผลประโยชน์จากการเจรจา

มาร์คผ่อนแรงบีบ แก้รธน.6 ข้อ เว้น ม.237

 วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "การเมืองบนสถานการณ์ความขัดแย้ง" แก่ผู้เข้ารับการศึกษาอบรมหลักสูตร การพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 1 ประจำปี 2552 ณ สถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง

 นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการสร้างความสมานฉันท์ในชาติว่า คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ตนบอกว่าโพลล์เมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องท้ายๆ ที่ประชาชนให้ความสำคัญ แสดงให้เห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ส่วนการยุบสภาตนไม่ขัดข้อง แต่หากสามารถปฏิรูปการเมือง และแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ไม่อย่างนั้นเมื่อแก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้วมีการเลือกตั้งก็จะมีคนออกมาโวยวายและกดดันอีก

  “ข้อเสนอการสร้างสมานฉันท์ของคณะกรรมการที่เสนอว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญ 6 ข้อ รัฐบาลไม่ขัดข้อง ยกเว้นมาตรา 237 ที่ผมมองว่าหากแก้แล้วจะมีปัญหา เพราะจะมีคนออกมาคัดค้าน เรื่องนี้ขอให้มีประชามติก่อน และสิ่งดีที่สุด คือ ควรสอบถามประชามติก่อนว่าประชาชนจะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ เมื่อมีมติออกมา และแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วจะยุบสภาก็ไม่มีปัญหา” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

 นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงข้อเสนอยุบสภาว่า ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรือแปลกประหลาดอะไร แต่ส่วนตัวคิดว่า ถ้าจะยุบสภาต้องตั้งอยู่ใน 3 เงื่อนไข คือ 1.ขอให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเข้ารูปเข้ารอย โดยคาดว่าช่วงเดือนธันวาคม 2552-กุมภาพันธ์ 2553 น่าจะเป็นช่วงที่มาตรการการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลออกดอกออกผล 2.ถ้ายุบสภาวันนี้กติกาเลือกตั้งที่มีอยู่พอใจกันแล้วหรือยัง และถ้าให้เลือกตั้งภายใต้กติกาเดิมจะเกิดปัญหาความขัดแย้งหรือไม่ และ 3.ถ้ายุบสภาเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งจะทำให้ความขัดแย้งรุนแรงในขณะนี้หมดไปหรือไม่

ใช้ ครม.นัดพิเศษออก ก.ม.คุมเสื้อแดง

 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ว่า ศอ.รส.เตรียมรายงานผลการปฏิบัติงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบในวันที่ 1 กันยายน และจะเสนอให้ ครม.พิจารณา โดยข้อสรุปของ ศอ.รส.เสนอว่า ครม.ควรจะเตรียมพร้อมที่จะนัดประชุม ครม.นัดพิเศษในทันทีที่ฝ่ายข่าวประเมินสถานการณ์ว่าอาจจะเกิดการชุมนุม และนำไปสู่การก่อเหตุรุนแรงขึ้นได้ เพื่อจะได้ประกาศพื้นที่ที่กระทบต่อความมั่นคงอย่างที่ประกาศมาแล้ว

 เมื่อถามว่าจะไม่มีการประกาศก่อนที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะชุมนุมใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า หากฝ่ายข่าวประเมินและเสนอก็จะประกาศเมื่อเห็นว่ามีความจำเป็น อย่างวันที่ 5 กันยายน ก็จะไม่ประกาศก่อน

กกต.เชื่อ 2 ก.ย.ลงมติ“ถาวร-พรทิวา”ได้

 นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการเลือกตั้ง กล่าวถึงการลงมติพิจารณาคุณสมบัติ 44 ส.ส.ถือหุ้นกิจการสื่อ และหุ้นสัมปทานรัฐ ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนให้เลขานุการคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงสรุปสำนวนว่ามีใครถือหุ้นอะไรบ้าง ถือก่อนหรือหลังเข้าดำรงตำแหน่ง โดยวันที่ 2 กันยายน จะมาหารือว่าจะสามารถลงมติได้เลยหรือไม่ เพราะเลื่อนมาแล้วครั้งหนึ่ง และวันดังกล่าวจะพิจารณาการถือหุ้นของ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ และนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย คาดว่าจะลงมติได้ เพราะเป็นกรณีที่มีข้อเท็จจริงคล้ายกัน