
บาดแผลในใจทัวร์นร.ตกเหว "ไม่ไปทัศนศึกษาอีกแล้ว"
นร.เหยื่อรถทัวร์ตกเหวที่ปราจีนบุรี เล่านาทีชีวิต ลั่นไม่ไปทัศนศึกษาอีกแล้ว ขณะที่ครอบครัวยังทำใจไม่ได้
จากกรณีเหตุรถบัสโดยสารปรับอากาศ 2 ชั้น นำครูและนักเรียนของโรงเรียนพังทุยพัฒนศึกษา อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ไปทัศนศึกษาแต่เกิดอุบัติเหตุรถบัสตกเหวที่ จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา มีนักเรียนและครูเสียชีวิต 6 ราย และได้รับบาดเจ็บจำนวนมากนั้น
วันนี้ (15 มี.ค.) นักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บ 3 คน ซึ่งกลับมารักษาตัวที่ รพ.ขอนแก่น ได้เล่านาทีระทึกบนรถมีกลิ่นเหม็นไหม้ ครู-นักเรียนตื่นทั้งรถพร้อมตะโกนให้คนขับจอดรถ ก่อนรถบัสสะบัดอย่างแรงแล้วพุ่งลงเหว ซึ่งจนถึงปัจจุบันได้กลายเป็นแผลในใจทั้งครอบครัวและจะไม่ไปทัศนศึกษาอีกแล้ว
ที่โรงพยาบาลขอนแก่น นักเรียนโรงเรียนพังทุยพัฒนศึกษา 3 คน ที่ได้รับบาดเจ็บเดินทางกลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. โดยทางโรงพยาบาลได้นำรถไปรับตัวมาจาก จ.ปราจีนบุรี อาการบาดเจ็บโดยรวมดีขึ้นแล้ว แต่ยังต้องรักษาตัวและเดินทางมาพบแพทย์ตามนัด พบว่านักเรียน 2 คนได้รับบาดเจ็บขาหัก ไหปลาร้าแตก แพทย์ให้กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านแล้ว ยังเหลือ น.ส.ธิดารัตน์ ปุมเป้า อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณไหปลาร้า ใบหน้า กราม และขากรรไกรร้าว ยังต้องรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลขอนแก่น
น.ส.ธิดารัตน์ เล่าเหตุการณ์ในวันเกิดอุบัติเหตุว่า คุณครูที่เสียชีวิตทั้งหมดนั่งอยู่เบาะหน้าชั้น 2 ทั้งหมด โดยตนนั่งอยู่แถวที่ 4 ติดหน้าต่าง นักเรียนส่วนใหญ่จะนอนหลับมาตื่นนอนรู้สึกตัวเพราะถนนขรุขระคาดว่ามีการซ่อมสร้างถนน ระหว่างนี้ได้กลิ่นเหม็นไหม้มาจากด้านหลังรถ ครูและนักเรียนทั้งหมดช่วยกันตะโกนให้คนขับจอดรถ ไม่นานรถสะบัดอย่างแรงแล้วตกลงเหวข้างทาง
“ครั้งนี้เป็นการเดินทางทัศนศึกษาครั้งที่ 2 ครั้งแรกที่เดินทางก็เป็นรถทัวร์สองชั้น นั่งเบาะแถวที่ 4 ติดหน้าต่างเหมือนกัน ช่วงก่อนเกิดเหตุเหมือนเป็นทางลง รถมาเร็วและแรงมาก ช่วยตะโกนให้คนขับจอดรถก็จอดไม่ได้แล้ว รู้สึกกลัวจึงพยายามจับเบาะด้านหน้าไว้ แต่รถสะบัด ศีรษะและใบหน้ากระแทกกับกระจกอย่างแรง จากนั้นสลบไม่รู้สึกตัว ไม่ทราบว่าเพื่อนช่วยออกจากรถได้อย่างไร มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่เพื่อนช่วยกันปลุก บริเวณรอบๆมืดมาก ยังไม่มีใครมาช่วย ยังไม่รู้ว่ามีแผลที่หน้าเพราะยังไม่มีอาการเจ็บกระทั่งมีเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ ยังจำเหตุการณ์ก่อนสลบได้เป็นอย่างดี รู้สึกกลัว ต่อจากนี้จะไม่เดินทางไปทัศนศึกษาอีกแล้ว”น.ส.ธิดารัตน์ กล่าว
ด้านนายอำนวย ปุมเป้า ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า มีลูก 2 คน น.ส.ธิดารัตน์ เป็นลูกสาวคนโตได้เดินทางไปดูแลลูกสาวตั้งแต่วันเกิดเหตุ เห็นอาการบาดเจ็บของลูกยังทำใจยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ที่ผ่านมาเคยเห็นภาพข่าวอุบัติเหตุกับรถทัศนศึกษาก็รู้สึกกลัวมาตลอด จึงไม่อยากให้ลูกเดินทางไปทัศนศึกษา แต่ต้องยอม ไม่ใช่เพียงแต่ลูกเท่านั้นที่กลัว พ่อแม่ของนักเรียนทุกคนก็กลัวไม่ต่างกัน อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวมีแผลในใจที่ไม่สามารถลืมได้ ต้องการให้ยกเลิกการเดินทางทัศนศึกษา เพราะอุบัติเหตุอาจจะเกิดขึ้นได้อีก