
จี้รัฐยุติโครงการ "แลนด์บริดจ์
กลุ่มอนุรักษ์สตูล-สงขลา จัดเดินทางไกล ต้านโครงการพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต
เมื่อวันที่ 11 ผู้สื่อข่าวรายงานเฟซบุ๊ค เจ้าของชื่อ บรรจง นะแส เดินค้าท่าเรือปกาบา ได้โพสต์ข้อความการจัดกิจกรรม "เดินด้วยรัก จากภูผา ถึงทะเล"การเดินทางไกล 101 กิโลเมตร ของสมาคมพิทักษ์สิทธิชุมชนเขาคูหา อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ ร่วมกับเครือข่ายประชาชนที่เห็นความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และวิถีชีวิตชุมชน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล หยุดการดำเนินการ โครงการสะพานเศรษฐกิจสงขลา-สตูล, โครงการท่าเรือน้ำลึก, การให้สัมปทานแร่หินอุตสาหกรรมก่อสร้าง และให้รัฐบาลปฏิบัติตามกรอบ“ข้อตกลงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ที่ได้ร่วมลงนามกับ 189 ประเทศในการประชุมองค์การสหประชาชาติเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา
โดยเนื้อหาได้อ้างถึง ความเดือดร้อนของชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ของภาครัฐ จากแนวนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมในเขตพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดสงขลา-สตูล นโยบายชุดโครงการสะพานเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงทะเลอันดามันและอ่าวไทย เรียกสั้นๆว่า แลนด์บริดจ์ สงขลา-สตูล ประกอบด้วย โครงการท่าเรือน้ำลึกสองฝั่ง โดยฝั่งอ่าวไทย มีท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2 ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ฝั่งอันดามัน ท่าเรือน้ำลึกปากบารา อ.ละงู จ.สตูล โดยมีรถไฟรางคู่ขนส่งสินค้าระหว่างท่าเรือทั้งสอง มีคลังน้ำมัน ท่อส่งน้ำมัน ท่อส่งก๊าซ นิคมอุตสาหกรรมทั้งสองฝั่ง โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา สายส่งไฟฟ้าแรงสูงผ่านเขตป่าอนุรักษ์ผาดำ จ.สงขลา ถึง จ.สตูล
ทั้งนี้ชุดโครงการแลนด์บริดจ์ฯ มีความต้องการใช้ทรัพยากร หิน ทราย ดิน และน้ำ ในการดำเนินการก่อสร้างและสนับสนุนระบบอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และพบว่ามีการเร่งดำเนินการขอประกาศแหล่งหินและขอสัมปทานเหมืองหินใหม่ อย่างน้อย 3 แหล่งในพื้นที่จังหวัดสตูลที่ เขาโต๊ะกรัง เขาบังใบ เขาลูกเล็กลูกใหญ่ เพื่อใช้ในโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา รวมทั้งความต้องการใช้แหล่งหินอุตสาหกรรมจากภูเขาจำนวนมากถึง 8 ลูก มีการใช้ทราย จากแหล่งทรายใน ต.บ่อเจ็ดลูก และบ้านหัวหิน ต.ละงู จ.สตูล รวมถึง บ่อดินลูกรังย่อยอีกหลายจุดที่จะนำไปใช้ในโครงการฯนี้ อ่างเก็บน้ำอีกหลายพื้นที่ จะเกิดขึ้นเพื่อรองรับอุตสาหกรรมต่อเนื่อง แนวทางการพัฒนาของรัฐรูปแบบนี้ ที่เน้นตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP) และการพัฒนาที่เน้นความเจริญด้านอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งในช่วง 5 ทศวรรษ ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผลปรากฏชัดเจนว่า ก่อให้เกิดผลกระทบและความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำลายวิถีชีวิตชุมชน ภาคการเกษตร และเพิ่มความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยเป็นอย่างมาก