
ธรรมกายโวย ก.ม.กล่าวหา - ฆ่าพระ
“ธรรมกาย” เรียกร้อง 5 ข้อ หยุดฆ่าพระภิกษุจากสมณเพศ - หยุดระบบกล่าวหาต่อพระภิกษุ
8 มี.ค. 60 เมื่อเวลา 15.30 น. พระมหาทศพร ปุญฺญงฺกุโร หัวหน้ากองภาพลักษณ์ออนไลน์ วัดพระธรรมกาย พร้อมคณะพระสงฆ์ประกอบด้วย พระชาญณรงค์ อุตฺตโม พระณรงค์ชัย ฐานชโย พระมหาธเนศร์ ฐานรโต พระมหาสมเกียรติ ปุญฺญเตโช ร่วมแถลงชี้แจง หลังจากเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจมาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายและบริเวณรอบวัด เป็นวันที่ 21 ของการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน และรัฐใช้งบประมาณไปแล้วไม่ต่ำกว่า 60 - 100 ล้านบาท
พระชาญณรงค์ อุตฺตโม กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธจริงหรือ ทำไมใช้กฎหมายแกล้งฆ่าพระ การบวชคือ การเกิดใหม่ในธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อายุพรรษาจะเริ่มนับตั้งแต่วันบวช ผู้มีอายุ 80 ปีแล้วเพิ่งบวช ก็ต้องเคารพกราบไหว้พระหนุ่มอายุ 20 ปี ที่บวชก่อนแม้เพียงวันเดียว
กฎหมายของไทยในปัจจุบัน มีการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อพระภิกษุ กล่าวคือ พระภิกษุเมื่อตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา หากพนักงานสอบสวนเห็นว่าต้องควบคุมตัวไว้ หรือศาลไม่ให้ประกันตัว ก็ต้องสึก ขาดจากความเป็นพระทันที ทั้งที่คดียังไม่ได้พิพากษา คิดเอาง่ายๆ ว่า “ถ้าไม่ผิดก็บวชใหม่ได้”
เปรียบเทียบกับคดีของคนทั่วไป หากผู้ต้องหาถูกควบคุมตัว แล้วมีกฎหมายระบุว่า ให้ประหารชีวิตก่อนเลย โดยให้เหตุผลว่า “ถ้าคดีพิพากษาแล้วไม่ผิด ก็ไปเกิดใหม่ได้” ทุกคนย่อมเห็นตรงกันว่าเป็นกฎหมายที่อยุติธรรมอย่างยิ่ง
เคยมีพระภิกษุที่ถูกจับสึกเพราะพนักงานสอบสวนไม่ให้ประกันตัวหลายราย อาทิ เจ้าคุณอุดม วัดเทพศิรินทร์ ในคดีเครื่องราชฯ เป็นข่าวครึกโครม แต่สุดท้ายศาลฎีกาพิพากษาว่าท่านไม่มีความผิด ใครจะรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น และท่านก็ต้องตายไปด้วยความช้ำใจต่อความอยุติธรรมที่ตนได้รับ
ยิ่งกฎหมายเมืองไทยเป็นระบบกล่าวหา คือเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาไปก่อน แล้วให้จำเลยไปแก้คดีที่ศาล ยิ่งอันตรายมาก เพราะพระภิกษุสามารถถูกแกล้งจับสึกได้ตลอดเวลา
ดังตัวอย่างวัดพระธรรมกายถูกแจ้งความดำเนินคดีถึง 300 กว่าคดีในเวลาเพียงหนึ่งเดือน และมีคดีจำนวนมากที่มีความสุ่มเสี่ยงว่าจะไม่ได้รับการประกันตัว ตั้งธงว่าจะขอศาลฝากขัง ซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติ ทั้งที่บางคดีถูกตั้งข้อหาโดยยังไม่มีความผิดชัดเจน และคดีลักษณะเดียวกันนี้ หากเป็นผู้ต้องหารายอื่นก็จะได้รับการประกันตัวไป พระก็ต้องเสี่ยงกับการถูกจับสึก ตั้งแต่ศาลยังไม่พิพากษาหลายร้อยครั้ง พลาดแม้เพียงครั้งเดียว ก็ต้องตายไปจากความเป็นพระทันที
อิสลามยังเรียกร้องให้ออกกฎหมายชารีอะห์ สำหรับชาวอิสลาม ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่จะต้องยกเลิกกฎหมายมักง่าย เป็นเครื่องทำลายพระพุทธศาสนา ฆ่าพระภิกษุจากพระธรรมวินัย ดังนี้
1. ห้ามสึกพระโดยที่คดียังไม่ได้พิพากษาจนถึงที่สุด
2. ระบบพิจารณาคดีที่ใช้กับพระภิกษุควรเป็นระบบไต่สวน ซึ่งให้อำนาจศาลในการแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมในคดี นอกเหนือไปจากที่คู่ความเสนอต่อศาลได้ เพื่อให้พระภิกษุได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณาพิพากษาคดี
3. คดีของพระภิกษุ ให้ตั้งศาลสงฆ์ มีคณะพิจารณาไต่สวนเฉพาะ มีผู้แทนคณะสงฆ์เข้าร่วมพิจารณาด้วย โดยยึดหลักพระวินัยร่วมกับกฎหมายทางโลก ถ้าหลักฐานไม่พอก็จบกันไป ถ้าหลักฐานพอก็ดำเนินคดีไปตามกระบวนการยุติธรรม
4. การพิจารณาไต่สวนให้ทำในวัดที่เหมาะสม ไม่เสียสมณสารูป
5. คดีใหญ่ที่เป็นที่สนใจ ให้เชิญองค์กรพุทธทั่วโลกร่วมสังเกตการณ์ด้วย เพราะพระภิกษุทั้งโลกก็ใช้พระวินัยของพระพุทธเจ้าเหมือนกัน
“หยุดฆ่าพระภิกษุจากสมณเพศ หยุดระบบกล่าวหาต่อพระภิกษุ”