ส่องฟาร์ม"โคนมอินทรีย์"ที่นครโฮจิมินห์
โดย - สุรัตน์ อัตตะ
ฟาร์มโคนมตามแนวพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่ได้มีแค่ในประเทศไทย แต่ยังขยายผลไปสู่ภูมิภาคอาเซียนหลายปีมาแล้ว โดยเฉพาะประเทศเวียดนามที่เกษตรกรเลี้ยงโคและผู้ประกอบธุรกิจผลิตนมสำเร็จรูปได้เดินทางมาดูงานการทำฟาร์มโคนมตามแนวพระราชดำริแล้วนำไปปรับประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของตัวเอง จนประสบความสำเร็จสามารถผลิตนมโคคุณภาพป้อนตลาดเวียดนามได้เป็นอย่างดี
“ท่องโลกเกษตร”อาทิตย์นี้จะพาไปตะลุยฟาร์มโคนมออแกนนิคคุณภาพในเขตอ.กู๋จี นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนามกับคณะผู้บริหารบริษัท พัฒน์กล จำกัด นำโดยคุณแสงชัย โชติช่วงชัชวาท ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารพัฒน์กลในการนำคณะสื่อมวลชนเดินทางไปดูประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรของบริษัทในการผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ โยเกิร์ตและชานมคุณภาพของบริษัทหุ้นส่วนนมกู๋จี จำกัด(Cu Chi Milk Joint Stock Ltd.)ที่มีคุณเหงียน ถิ ทู เฮือง เป็นผู้จัดการ
ฟาร์มโคนมกู๋จี มิลค์ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านอาน เญิน ไต เขตอ.กู๋จี ห่างจากนครโฮจิมินต์ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 70 กิโลเมตร บนเนื้อที่ 125 ไร่ เราใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่ง เนื่องจากการเดินทางโดยรถยนต์ในประเทศเวียดนามได้กำหนดความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
บ่ายสามโมงเศษคณะก็เดินทางถึงฟาร์ม จากนั้นคุณแสงชัยก็กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการนำคณะสื่อมวลชนมาเยี่ยมชมกระบวนการผลิตนมโคคุณภาพของบริษัทหุ้นส่วนกู๋จี มิ้ว จำกัดในครั้งนี้ว่าเป็นก้าวแรกในการรุกตลาดเออีซีของบริษัท พัฒน์กล จำกัด โดยจับมือกับผู้ประกอบธุรกิจฟาร์มโคนมในท้องถิ่นเพื่อผลิตนมโคออกแกนนิคคุณภาพ หลังใช้เวลาศึกษาข้อมูลมาหลายปี พร้อมนำเกษตรกรเลี้ยงโคและเจ้าของฟาร์มโคนมในเวียดนามมาดูงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
แสงชัยเผยว่าจุดเด่นของฟาร์มโคนมกู๋จี มิลค์อยู่ที่ออแกนนิค เพราะทุกกระบวนการผลิตภายในฟาร์มจะเป็นอินทรีย์ 100 เปอร์เซนต์ โดยเฉพาะการเลี้ยงโค ซึ่งเป็นต้นทางการผลิตนมโคคุณภาพ ตั้งแต่การปลูกหญ้าใช้เป็นอาหารของโค การดูแลโคในฟาร์ม หากโคป่วยจะไม่มีการรักษา แต่จะแยกออกไปและไม่นำกลับมาเลี้ยงในฟาร์มอีกต่อไป ฉะนั้นขั้นตอนการเลี้ยงโคจะต้องพิถีพิถันอย่างมาก นอกจากนี้บริษัทยังเน้นการสร้างเกษตรกรในเครือข่ายการเลี้ยงโคอินทรีย์ โดยนำองค์ความรู้วิธีการเลี้ยงไปส่งเสริมเกษตรกรด้วย
“จุดเด่นของกู๋จี มิลค์อยู่ที่นมออแกนนิคนี่แหละ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำได้ง่าย ๆ นะ เพราะทุกอย่างอยู่ที่ต้นทางการผลิต ทั้งอาหารโคและวิธีการเลี้ยงต้องปลอดจากสารเคมี 100 เปอร์เซนต์และ โคต้องไม่เป็นโรคเด็ดขาด ถ้าเป็นโรคก็จะต้องมีวิธีจัดการที่ดี ”แสงชัยให้มุมมองทิ้งท้าย จากนั้นทั้งหมดก็ได้เดินชมจุดต่าง ๆ ภายในฟาร์ม ซึ่งถูกแบ่งพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมทางการเกษตรอื่น ๆ อาทิ สวนกล้วยไม้ โรงเรือนเพาะเห็ด ฟาร์มเลี้ยงแกะ แพะสำหรับการผลิตนมเช่นกัน โดยทุกกิจกรรมภายในฟาร์มจะเป็นอินทรีย์ 100% ทั้งนี้ยังเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพื่อให้เด็ก ๆ เยาวชนและผู้สนใจงานด้านเกษตรได้มาเยี่ยมชมด้วย
เสร็จจากฟังบรรยายสรุปทุกคนก็ลองดื่มนมพาสเจอร์ไรส์บรรจุดขวดรสหวาน ผลิตภัณฑ์เด่นของกู๋จี มิลค์ จากนั้นก็ไปเดินตระเวนชมกิจกรรมภายในฟาร์ม โดยมี ด่อน หง่อก ธือ ไกด์สาวสวยประจำฟาร์มพาเดิมชม พร้อมให้ข้อมูลรายละเอียดในแต่ละจุด เริ่มจากโรงเรือนเพาะเห็ด ซึ่งมีอยู่หลายสิบโรงเรือน มีการเพาะเห็ดหลายชนิืด ทั้งนางฟ้าภูฎาน ขอนขาว นางรมและหลินจือ จากนั้นก็เดินลัดเลาะไปยังโรงเรือนปลูกกล้วยไม้สายพันธุ์ต่าง ๆ ก่อนเดินทะลุไปยังฟ่าร์มเลี้ยงโคนม
ไกด์สาวบอกว่าภายในฟาร์มมีโคอยู่ประมาณ 50 กว่าตัวที่เลี้ยงเพื่อรีดนมในทุก ๆ เช้า ส่วนอาหารจะเป็นหญ้าสดและหญ้าแห้ง ซึ่งทางฟาร์มจะปลูกเอง โดยเป็นโคนมพันธุ์ดีที่นำเข้ามาจากนิวซีแลนด์และ เดนมาร์ก นอกจากนี้ยังมีโคของเกษตรกรเครือข่ายอีกหลายร้อยตัวที่ทางฟาร์มเข้าไปส่งเสริมการเลี้ยงโคนมเพื่อรายได้ที่ดีกว่าการปลูกมันสำปะหลังและข้าวโพด ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนที่นี่ โดยเกษตรกรในเครือข่ายเหล่านี้จะผ่านการอบรมวิธีการเลี้ยงโคและการปลูกหญ้าสำหรับใช้เป็นอาหารโคจากเจ้าหน้าที่ของฟาร์ม พร้อมทั้งมีการดูแลอย่างใกล้ชิด
จากนั้นพามาดูเครื่องรีดนมวัวอัตโนมัติ ซึ่งมีอยู่จำนวน 5 เครื่องจะทำการรีดนมโคในทุกเช้า ก่อนจะนำน้ำนมดิบที่ได้เข้าสู่กระบวนการแปรรูปโดยเครื่องจักรที่ทันสมัยนำเข้ามาจากประเทศไทย ก่อนที่จะเดินข้ามมาอีกฝั่งเพื่อเยี่ยมชมฟาร์มแกะ-แพะ ซึ่งไกด์คนเดิมบอกว่าฟาร์มนี้ตั้งใจสร้างให้เป็นจุดท่องเที่ยวของผู้มาเยือน แต่ก็จะมีผลพลอยได้จากน้ำนมแพะในการนำมาแปรรูปเ)้นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน
เหงียน ถิ ทู เฮือง ผู้จัดการบริษัทหุ้นส่วนนมกู๋จี จำกัดเผยว่าบริษัทได้เริ่มทำธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายนมพาสเจอร์ไรส์ โยเกิร์ตและชานมบรรจุขวดมาตั้งแต่ปี 2513 โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 125 ไร่ สำหรับเลี้ยงโคนมและปลูกหญ้าเป็นอาหารโค และกิจกรรมทางการเกษตรอื่น ๆ นอกจากนี้ยังกันพื้นที่ประมาณ 125 ตารางเมตรสำหรับการติดตั้งเครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย ติดโดยบริษัท พัฒน์กล จำกัดจากประเทศไทยสำหรับการแปรรูปน้ำนมดิบเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
“ขณะนี้บริษัทเรามีกำลังการผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ 2,000 ลิตรต่อชั่วโมง โยเกิร์ต 200 ลิตรต่อวันและชานมบรรจุขวด 2,000 ลิตรต่อชั่วโมงและคาดว่าปีหน้าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว พร้อมผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จะออกมาอย่างต่อเนื่อง”ผู้จัดการคนเดิมกล่างทิ้งท้าย ก่อนโบกมืออำลาพวกเราซึ่งได้เวลาเดินทางกลับนครโฮจิมินต์ พร้อม ๆ กับแสงตะวันที่ได้ลาลับโลกไป