
“ชาร์ม” เครื่องประดับคู่ประวัติศาสตร์
เรื่องราวของ ชาร์ม หรือ จี้ประดับ เครื่องประดับคู่พระวรกายสมเด็จพระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษ
“ชาร์ม” หรือ “จี้ประดับ” อัญมณีคู่กายของสาวๆ มักแฝงความหมายเฉพาะตัวต่อผู้สวมใส่เสมอ ซึ่งตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์หากย้อนเวลาไปกว่าหมื่นปี มนุษย์ได้เริ่มสวมใส่ชาร์มกันอย่างแพร่หลายในรูปแบบการแสดงสัญญลักษณ์ตามความเชื่อ หรือเป็นเครื่องลาง ไม่ใช่เพื่อความสวยงามอย่างในปัจจุบัน
ในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ ชาร์มจะทำมาจากเปลือกหอย กระดูกสัตว์ หรือดินเหนียว หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นอัญมณี แร่หินและไม้ อย่างเช่น เครื่องประดับชาร์มทางแถบทวีปแอฟริกา ทำจากเปลือกหอย มีอายุราว 75,000 ปี ส่วนในประเทศเยอรมันก็มีชาร์มที่ทำจากงาของช้างแมมมอธแกะสลัก มีอายุราว 30,000 ปี ในความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ จะใช้ชาร์มเป็นสัญลักษณ์ของ ความซื่อสัตย์ และความโชคดี
ในยุคจักรวรรดิโรมันรุ่งเรือง ชาวคริสเตียนจะมีชาร์มเป็นรูปปลาตัวเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าของพวกเขาเพื่อสำหรับพิสูจน์ตัวเองกับคริสเตียนคนอื่น ๆ และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นนักวิชาการชาวยิว ก็จะเขียนข้อกฎหมายใส่ไว้ในชาร์ม ห้อยไว้รอบคอของพวกเขา โดยมีนัยยะว่าให้กฎหมายได้อยู่ใกล้หัวใจของพวกเขาตลอดเวลา แม้แต่อัศวินยุคกลางก็ยังสวมใส่ชาร์มเช่นกัน เพื่อเป็นเครื่องรางในการป้องกันตัวเองจากการต่อสู้ในสนามรบ
สมเด็จพระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษ และเครื่องประดับทรงโปรด
สร้อยข้อมือชาร์ม (Charm Bracelet) ชิ้นแรกเริ่มคาดเดาว่ามีมาตั้งแต่ช่วง 400-600 ปีก่อนคริสตกาล สวมใส่โดยชาวอัสซีเรีย บาบิโลเนีย เปอร์เซียและฮิตไทต์ และเริ่มปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัดจนเป็นกระแสที่นิยมอย่างแพร่หลาย คือในยุคของ สมเด็จพระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษ ทรงรักการสวมสร้อยข้อมือชาร์มมาก มีการเลือกชาร์มรูปแบบแปลกใหม่สวยงาม และมีความหมายให้น่าติดตามเสมอ นับเป็นผู้ที่ริเริ่มแฟชั่นชาร์มในหมู่ชนชั้นสูงของยุโรป หนึ่งในสร้อยข้อมือชาร์มเส้นโปรดของพระองค์ คือเส้นที่เจ้าชายอัลเบิร์ตมอบให้เป็นของขวัญแด่พระองค์ในปี ค.ศ.1840 เป็นสายสร้อยข้อมือลักษณะเรียบประดับด้วยชาร์มรูปหัวใจ 9 ดวงเคลือบเป็นสีต่างๆ ไม่ซ้ำกัน หัวใจแต่ละดวงเป็นตัวแทนของพระองค์ทั้งสอง พระราชโอรส และพระราชธิดา สามารถเปิดออกได้ ด้านหนึ่งแกะสลักพระนามและวันประสูติ อีกด้านหนึ่งใส่เส้นพระเกศาของแต่ละพระองค์
ชาร์มแกะสลัก ใส่ภาพวาดและเส้นผมของเจ้าชายอัลเบิร์ต
นอกจากนี้ สมเด็จพระราชินีวิกตอเรียทรงมอบชาร์มเป็นของขวัญแก่เชื้อพระวงศ์และพระสหายตามโอกาสพิเศษต่าง ๆ ทำให้สร้อยข้อมือชาร์มได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจากนั้นเป็นต้นมา และนอกจากนี้ หลังจากเจ้าชายอัลเบิร์ตเสด็จสวรรคต สมเด็จพระราชินีวิกตอเรียทรงทำชาร์มแกะสลัก โดยใส่ภาพวาดและเส้นผมของเจ้าชายอัลเบิร์ตไว้ในล็อคเก็ตชาร์ม เพื่อเป็นการไว้ทุกข์ และระลึกถึงพระสวามีของพระองค์หลังจากสิ้นพระชนม์ ทำให้ชาร์มเป็นเครื่องประดับที่นิยมมากตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เพียร์ อีนีโวลด์เซ่น ช่างทองชาวเดนมาร์กและภรรยา
หลังจากเทรนด์การสวมใส่ชาร์มที่ทำจากอัญมณีน้ำงามและมีความหมาย ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในแถบตะวันตก ก็ได้เริ่มแผ่ขยายความนิยมมายังฝั่งเอเชีย โดยในประเทศไทยเริ่มเป็นที่นิยมในปีพ.ศ. 2532 เมื่อ เพียร์ อีนีโวลด์เซ่น ช่างทองชาวเดนมาร์กและภรรยา มีความปรารถนาที่จะนำเสนองานเครื่องประดับงานฝีมือคุณภาพสูง รูปแบบทันสมัย สวมใส่ได้ทุกคนไม่จำกัดแค่ชนชั้นสูง จึงก่อตั้งแบรนด์ “แพนดอร่า” ขึ้นโดยในช่วงก่อนเริ่มต้นกิจการทั้งคู่มีโอกาสเดินทางมายังประเทศไทย ทำให้ได้พบกับแหล่งวัตถุดิบและอัญมณีมีค่าต่าง ๆ อีกทั้งยังได้พบกับช่างทำเครื่องประดับชาวไทยที่มีฝีมือและความเชี่ยวชาญสุดประณีต จึงตัดสินใจเริ่มต้นผลิตเครื่องประดับในประเทศไทยและได้พัฒนาจนเป็นฐานการผลิตชาร์ม และเครื่องประดับอื่นๆ ส่งออกไปทั่วโลก ปัจจุบันแพนดอร่า มีกำลังช่างฝีมือจำนวนกว่า 12,000 คน ภายในนิคมอุตสาหกรรม อัญธานี กรุงเทพมหานคร
ความนิยมสวมใส่ชาร์ม ในปัจจุบัน สาวๆ มักจะเลือกรูปแบบที่เป็นจุดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในสร้อยข้อมือ 1เส้น จะเลือกจี้ประดับที่ไม่เหมือนกัน เพื่อแสดงความเฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร และร้อยเรียงความหมายในตัวเอง สามารถมิกซ์กันได้จากวัตถุดิบหลากหลายชนิด เช่น เงิน ทอง เพชร พลอย หินสี ฯลฯ สามารถถอดเปลี่ยนนำมามิกซ์แอนด์แมตช์ให้เข้ากับเสื้อผ้าและทุก ๆ โอกาสที่ต้องการ