“ธนาคารปู” สู่ทางรอดอาชีพประมงอ่าวเพ
โดย - สุรัตน์ อัตตะ
ความสำเร็จจากโครงการวิจัยการจัดการทรัพยากรปูม้าอย่างยั่งยืนบนฐานภูมิปัญญาท้องถิ่นบริเวณอ่าวเพ อ.เมืองระยอง โดยผศ.ดร.เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม และคณะ ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จนได้ผลสรุปด้วยการจัดตั้งธนาคารปูม้าเพื่อเพิ่มปริมาณปูม้าในทะเล อันนำไปสู่อาชีพและรายได้ที่ยั่งยืนของสมาชิกกลุ่มประมงพื้นบ้านในบริเวณอ่าวเพที่นับวันมีปริมาณปูม้าในธรรมชาติร่อยหรอลงไปทุกที
จากผลการวิจัยครั้งนี้ทำให้เกิดการอนุรักษ์ปูม้า 3 แบบในรูปของธนาคารปูม้า ประกอบด้วย การสลัดไข่บนฝั่ง การสลัดไข่ตามธรรมชาติในกระชังชายฝั่งและการสลัดไข่ตามธรรมชาติในกระชังลอยในทะเล ซึ่งเป็นการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาบริหารจัดการปูม้าเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต
ณรงค์ เพ็งสุข อายุ 58 ปี ผู้จัดการธนาคารปูม้า กลุ่มประมงพื้นบ้านคอกแหลมเทียน ตั้งอยู่ติดกับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงอ่าวไทยฝั่งตะวันออก บริเวณอ่าวเพ จ.ระยอ ซึ่งยึดอาชีพทำประมงพื้นบ้านที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษได้เห็นความเปลี่ยนแปลงปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำที่ลดจำนวนลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะปูม้า ซึ่งเป็นสัตว์น้ำที่ทำรายได้หลักให้ครอบครัวที่ปัจจุบันเริ่มหายากมากขึ้นทุกปี จากเดิมที่เคยจับได้ 15-20 กิโลกรัมต่อวัน ปัจจุบันได้แค่ 5-8 กิโลกรัมเท่านั้น เช่นเดียวกับสัตว์น้ำอื่นๆ ที่ลดจำนวนลงอย่างมากเช่นกัน
“ระยองเป็นเมืองอุตสาหกรรม ผลกระทบจากอุตสาหกรรมที่มีต่อสัตว์น้ำจึงมีมาก อย่างเช่นเรือบรรทุกน้ำรั่วลงในทะเล หรือมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญมากที่มีผลต่อปริมาณสัตว์น้ำในทะเลบริเวณอ่าวเพลลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีผู้ทำอาชีพประมงพื้นบ้านที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งลักลอบจับสัตว์น้ำของเรือประมงขนาดใหญ่ในเขตพื้นที่ชายฝั่งด้วย” ผู้จัดการธนาคารปูม้ากลุ่มประมงพื้นบ้านคอกแหลมเทียนเผยสาเหตุของปัญหาที่มีต่อการลดจำนวนของปูม้าในอดีต กระทั่งปี 2558 ได้เข้าร่วมโครงการวิจัยการจัดการทรัพยากรปูม้าอย่างยั่งยืนบนฐานภูมิปัญญาท้องถิ่นในฐานะปราชญ์ชาวบ้านกับทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ทำให้ได้เห็นทางออกของปัญหาด้วยการจัดตั้งธนาคารปูเพื่อเพิ่มปริมาณปูม้าบริเวณอ่าวบ้านเพ
“เมื่อก่อนชาวประมงได้ปูไข่มาก็จะนำไปขายทันที แต่หลังจากมีธนาคารปู ใครได้ปูไข่มาก็จะนำมาฝากไว้ที่ธนาคารปูก่อน 1 คืนเพื่อให้ปูสลัดไข่ออกจากกระดองก่อน จากนั้นวันรุ่งขึ้นก็มาเอาแม่ปูคืนไป ทุกวันนี้มีชาวประมงนำปูไข่มาฝากไว้เฉลี่ยวันละ 20-30 ตัว จากนั้นเราก็เอาไปใส่ไว้ในกระชังที่ผูกไว้กับเสาบริเวณชายฝั่ง ตอนนี้มีอยู่ 5 กระชัง ซึ่งซื้อมาลูกละ 3 พันบาทและคิดว่าจะต้องซื้อเพิ่มหลังมีสมาชิกนำปูไข่มาฝากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” ณรงค์เผย
ไม่เพียงกลุ่มประมงพื้นบ้านคอกแหลมเทียนที่มีการจัดตั้งธนาคารปูม้า กลุ่มประมงพื้นบ้านศาลาเขียว บริเวณอ่าวเพก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โดยมีสมควร จันทร์ทักษ์ สมาชิกกลุ่มประมงพื้นบ้านศาลาเขียว เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการดำเนินการ โดยเน้นวิธีการสลัดไข่ปูบนฝั่งด้วยการใช้ถังพลาสติกขนาดใหญ่ เนื่องจากมีความสะดวกและง่ายต่อการจัดการ ที่สำคัญชายฝั่งบริเวณนี้มีปัญหาน้ำขึ้นน้ำลงอย่างรวดเร็ว เมื่อน้ำลงอาจมีปัญหาไข่ปูได้รับความเสียหายได้
“ที่ทำถังน้ำไว้สำหรับสลัดไข่ปูบนฝั่งก็เพราะอ่าวบริเวณนี้มีปัญหาน้ำขึ้นน้ำลงฮวบฮาบ ไม่สามารถนำกระชังไปผูกไว้ที่ชายฝั่งได้ก็เลยมาทำบนฝั่งแทน ทุกวันนี้ก็มีสมาชิกนำปูไข่มาฝากไว้เฉลี่ยวันละ 15-20 ตัว ปูแต่ละตัวจะมีไข่นับแสนฟอง โดยจะรับฝากวันต่อวัน ชาวประมงเอาแม่ปูมาฝากวันนี้พรุ่งนี้ก็มารับคืน ส่วนไข่ก็จะนำไปปล่อยในทะเล” สมควรเผยพร้อมยอมรับว่าแม้ปริมาณปูม้าจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมีชาวบ้านมาจับปูในช่วงน้ำลดในขณะที่ปูยังเจริญโตไม่เต็มที่ จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องมาจำกัดแนวเขตการทำประมงชายฝั่งให้ชัดเจนและห้ามมีการดักจับลูกปูในช่วงน้ำลดด้วย
ธนาคารปู อานิสงส์จากโครงการวิจัยนับเป็นอีกทางเลือกในการเพิ่มปริมาณปูม้า ตลอดจนการสร้างอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืนของสมาชิกกลุ่มประมงพื้นบ้านบริเวณอ่างเพ จ.ระยอง