
“หมวดเจี๊ยบ”สวน! พท.-คนต้านรัฐโดนคุกคามร่วม 300 กรณี
“หมวดเจี๊ยบ”เย้ยไม่ได้มีแค่“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ที่โดนปองร้ายในโซเชียล อ้าง พท.และคนต่อต้านรัฐโดนคุกคาม-ทำร้ายร่วม 300 กรณี
3 ก.พ. -- ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต ทีมสำนักเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่ใช่แค่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. หรือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เท่านั้นที่ถูกข่มขู่ทางโลกโซเชียล เพราะพรรคเพื่อไทยและผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยโดนคุกคามมานานแล้ว ถ้านับรวมทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ก็มีไม่ต่ำกว่า 300 กรณี และไม่ใช่แค่โดนโพสต์ขู่ แต่ถูกกระทำจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการส่งทหารมาดักชก ถูกอาวุธปืนยิงถล่มบ้าน ซึ่งมีทั้งกรณีที่ยิงโดนและยิงไม่โดน บางรายถูกลอบยิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส บางรายถึงกับเสียชีวิต ยังไม่รวมอดีตส.ส.และแกนนำพรรคเพื่อไทยที่ตั้งแต่มีการปฏิวัติจนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังถูกเจ้าหน้าที่ทหารตามประกบเป็นระยะ ๆ ซึ่งไม่ได้ทำให้รู้สึกปลอดภัย แต่รู้สึกเหมือนถูกคุกคาม นอกจากนี้ ยังมีพี่น้องประชาชนที่ถูกอุ้มไปคราวละ 7 วันบ้างหรือนานกว่านั้นบ้าง หลังจากออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหารหรือวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวอีกว่า ดิฉันเองก็มีผู้หวังดีในโซเชียลส่งข้อความมาเตือนเช่นกันว่าระวังจะโดนอุ้มจากกรณีวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และช่างบังเอิญเหลือเกินที่อยู่ๆ ป.ป.ช.ก็เคลื่อนไหวตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของดิฉันในช่วงเวลาเดียวกับที่ดิฉันออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยป.ป.ช.ได้ออกคำสั่งเรียกญาติพี่น้องทั้งฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่ของดิฉันมาสอบสวน 3-4 คน ญาติบางคนเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่จ.นครศรีธรรมราช ถึงกับต้องนั่งรถทัวร์จากใต้ ขึ้นมากรุงเทพฯ เพื่อให้ปากคำต่อป.ป.ช. ทั้งๆ ที่แถวบ้านของญาติคนนั้นกำลังโดนน้ำท่วมมิดหัว และอันที่จริงตำแหน่งรองโฆษกรัฐบาลที่ดิฉันเคยได้รับนั้นก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่เกี่ยวข้องเรื่องผลประโยชน์ เรียกว่าไม่ได้มีอำนาจในการอนุมัติโครงการอะไรแม้แต่สลึงเดียว แต่กลับถูกป.ป.ช.ตั้งข้อสงสัยเรื่องบัญชีทรัพย์สิน
“เห็นหรือไม่ว่าความกดดันที่พรรคเพื่อไทยได้รับนั้นก็มีมากมายเช่นกัน เมื่อเปรียบกับกรณีของพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตรแล้วจะเห็นได้ว่า พวกท่านโชคดีกว่ามากเพราะมีทหารตามคุ้มกันเป็นร้อย ๆ นายพร้อมอาวุธครบมือ แถมยังมีรถกันกระสุนให้นั่ง ในขณะที่นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามของท่านและประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาลและการยึดอำนาจมีแค่สองมือเปล่า และส่วนใหญ่ก็ไปไหนมาไหนตามลำพัง ไม่ได้มีลูกน้องถือปืนเดินตามคุ้มกันเหมือนอย่างพวกท่าน เพียงแต่พวกเขาไม่มีโอกาสได้ออกมาฟ้องสังคมเท่านั้น และไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะใส่ใจหรือให้ความสำคัญเท่ากับกรณีของนายกฯ หรือรองนายกฯ หรือไม่ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นนายกฯ หรือเป็นชาวบ้านธรรมดาก็มีหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงเท่ากัน”ร.ท.หญิง สุณิสากล่าว