“เพื่อไทย”ยังไม่สรุปส่งคนร่วมถกปรองดอง          | คมชัดลึก

        1 ก.พ. --  นายโภคิน พลกุล แกนนำพรรคเพื่อไทยในฐานะ 1 ใน 5 คณะกรรมการศึกษาติดตามเรื่องการปรองดองของพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการส่งตัวแทนของพรรคไปพูดคุยเรื่องความปรองดองว่า เท่าที่ได้มีการพูดคุยกับหัวหน้าและเลขาธิการพรรคทราบว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อมาอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด เพียงแต่มีข่าวคราว ทางหัวหน้าและเลขาธิการพรรคจึงประสานมายังตนและท่านอื่น ๆ อีก 4 ท่านว่า ช่วยดูเรื่องนี้ให้ด้วย และหากเผื่อจะต้องมีการดำเนินการกันต่อไปก็ขอให้ 4-5 ท่านช่วยกันดูและนำเสนอในสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเกิดความปรองดองแก่บ้านเมืองให้ได้ ทั้งนี้หลัก ๆ นั้นเราดูว่า 1.เราต้องเข้าใจให้ตรงกันว่า คำว่าปรองดองนั้น หมายความว่าอย่างใร 2.สาเหตุต่าง ๆ ที่เป็นปัญหานั้น ความจริงมีการศึกษาไว้มากมาย เอาตรงนี้เป็นหลักก่อน ซึ่งหากไม่พอก็ค่อยไปศึกษาเพิ่มเติม 3.การเยียวยาผู้ที่เป็นเหยื่อเราควรเยียวยาอย่างไร และ 4.ควรมีมาตรการอะไรที่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาความแตกแยกหรือความร้าวฉานเช่นนี้อีก

          ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคพร้อมให้ความร่วมมือในเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายโภคินกล่าวว่า เท่าที่มีการพูดคุยและสอบถามความเห็นกันเราเห็นว่า แนวคิดเกี่ยวกับเรื่องปรองดองเป็นสิ่งที่ดี ต้องให้การสนับสนุน เพราะเราไม่อยากเห็นบ้านเมืองแตกแยก ขณะเดียวกันการดำเนินการเรื่องนี้ก็ขอให้ดำเนินการด้วยความจริงใจ ทำด้วยความที่อยากเห็นความปรองดองจริง ๆ ไม่ใช่ทำไปอย่างนั้น นอกจากนี้ สิ่งที่เราคุยกันคือ วันนี้มีความต้องการอยากเห็นการปรองดองจริง ๆ แต่การปรองดองจริง ๆ นั้นต้องมีหลักความรู้ที่ถูกต้อง และต้องมีวิธีการดำเนินการอย่างไรที่จะทำให้ทุกฝ่ายสามารถพูดคุยกันได้อย่างเปิดอกเพื่อเดินไปข้างหน้าร่วมกัน ทุกคนอยากเห็นสิ่งเหล่านี้ และเชื่อว่าคนที่เสนอสิ่งเหล่านี้อยากจะทำให้เกิดขึ้นจริง ๆ

          สำหรับเอกสารที่พรรคทำความเห็นส่งสปท.นั้นจะส่งต่อไปยังป.ย.ป.ด้วยหรือไม่ นายโภคินกล่าวว่า ยังไม่ทราบ คาดว่าฝ่ายรัฐบาลที่เป็นผู้รับผิดชอบคงต้องไปประชุมปรึกษาหารือกันเพื่อกำหนดกระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ จากนั้นคงประสานมาอีกครั้ง เมื่อประสานมาอย่างไรเราคงจะมาพูดจากันในระดับหนึ่งว่าเราควรจะนำเสนอเนื้อหาสาระอะไรเพื่อให้เกิดประโยชน์จริง ๆ ทั้งนี้ อย่ามองพรรคการเมืองหรือนักการเมืองเป็นสิ่งเลวร้าย ในแต่ละองค์กรไม่มีองค์กรไหนที่ไม่อยากตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชน ไม่ว่านักการเมืองจะมาจากพ่อค้า นายทหาร หรือข้าราชการ สิ่งที่ตนเห็นคือ คนอย่างนี้จะมาได้ต่อเมื่อประชาชนเลือก สิ่งที่พยายามคิด พยายามทำก่อนคือ จะทำอย่างไรให้คนพึงพอใจ ดังนั้น ด้านดีตรงนี้เราต้องชมนักการเมืองเขา