กลุ่มทนายจ่อฟ้อง"ทรัมป์" รับเงินต่างชาติผิดรัฐธรรมนูญ

            เพียงไม่กี่วันหลังโดนัลด์ ทรัมป์ รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 อย่างเป็นทางการ นักวิชาการรัฐธรรมนูญ อดีตทนายความด้านจริยธรรมทำเนียบขาว และทนายว่าความในศาลสูง เตรียมร่วมกันยื่นฟ้องทรัมป์ด้วยข้อกล่าวหาละเมิดรัฐธรรมนูญที่ห้ามรับเงินจากรัฐบาลต่างประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่การทุจริต

            คำฟ้องต้องการให้ศาลกลางในนครนิวยอร์กสั่งให้ธุรกิจของทรัมป์ยุติการรับเงินจากรัฐบาลต่างประเทศ การรับเงินที่ว่านี้ รวมถึงการชำระเงินจากลูกค้าโรงแรม และสนามกอล์ฟของทรัมป์ เงินกู้เพื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากธนาคารบางแห่งที่รัฐบาลต่างประเทศเป็นเจ้าของ และการเช่าซื้อจากคู่สัญญาอย่าง สำนักงานการท่องเที่ยวอาบู ดาบี ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐบาล 

            ผู้ที่ร่วมเป็นโจทก์ยื่นฟ้องทรัมป์ในคดีแรก อาทิ ลอเรนซ์ เอช. ไทรบ์ นักวิชาการด้านรัฐธรรมนูญมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นอร์แมน แอล.ไอเซน อดีตทนายความด้านจริยธรรมทำเนียบขาวในสมัยบารัก โอบามา เอร์วิน เคเมรินสกี คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเออร์วิน ริชาร์ด เพนเตอร์ อดีตทนายความด้านจริยธรรมทำเนียบขาวสมัยจอร์จ ดับเบิลยู บุช   และ ดีปัก กุปตา ทนายว่าความในศาลสูง  ที่กล่าวว่า ผู้เขียนรัฐธรรมนูญคือนักศึกษาประวัติศาสตร์ พวกเขาเข้าใจดีว่าทางหนึ่งที่จะทำให้ประเทศล้มเหลวคือต่างชาติสามารถทำให้ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งทุจริตได้  
 

            โฆษกของทรัมป์ยังไม่มีความเห็น แต่นายเอริค ทรัมป์ บุตรชายของทรัมป์ ที่ปัจจุบันเป็นรองประธานบริหาร ทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน กล่าวว่า บริษัทได้ดำเนินการหลายอย่าง เกินจากที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อหลีกเลี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อน รวมถึงการยกกำไรที่ได้จากแขกรัฐบาลต่างชาติเข้าพักในโรงแรม ให้กับกระทรวงการคลัง การยื่นฟ้องของทีมนักกฎหมายเหล่านี้ ถือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อหวังผลการเมืองล้วนๆ

            ก่อนหน้านี้ทนายของประธานาธิบดีทรัมป์ เคยกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญไม่ได้ครอบคลุมถึงการชำระเงินตามปกติ เช่น ค่าห้องพักโรงแรมอัตรามาตรฐาน แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง รับค่าตอบแทนพิเศษหรือของขวัญจากรัฐบาลต่างประเทศ