ข่าว

เจ้าอาวาสวัดบางแพรกใต้เทศน์เตือนสตินักโทษ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บางขวางประหารชีวิตนักค้ายาบ้า 2 รายซ้อน หลังฉีดยาพิษครั้งแรกกว่า 6 ปี เผยเป็นนักค้ายาบ้ารายสำคัญถูกจับพร้อมของกลางกว่าแสนเม็ด ยึดทรัพย์กว่า 41 ล้าน

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. พระครูศรีนนทวัฒน์ เจ้าอาวาสวัด บางแพรกใต้ อ.เมือง จ.นนทบุรี เปิดเผยถึงการรับกิจนิมนต์ให้แสดงธรรมเทศนาให้นักโทษในคดียาเสพติดที่ศาลได้พิพากษาประหารชีวิต ภายในเรีอนจำกลาง บางขวาง ในวันเดียวกันนี้ว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำได้นิมนต์ให้แสดงธรรมกับนักโทษชายที่ได้รับโทษประหารในคดียาเสพติดจำนวน 2 ราย โดยทางเรือนจำได้นำเข้าไปแสดงธรรมภายในห้องซึ่งอยู่ใกล้กับอาคารที่เคยใช้เป็นสถานที่ยิงเป้านักโทษประหารเดิม แต่ปัจจุบันใช้วิธีการฉีดยาซึ่งก็อยู่ในอาคารใกล้กัน

 พระครูศรีนนทวัฒน์ เล่าถึงบรรยาการศภายในห้องแสดงธรรมว่า บรรยากาศทั่วไปก็เงียบสงบนักโทษที่จะถูกประหารชีวิต ได้ถูกนำมาอยู่ในห้องติดกับห้องที่จะมีการแสดงธรรม โดยมีลูกกรงกั้นกลาง เมื่อเจ้าหน้าที่พาตัวนักโทษมาก็จะอ่านฎีกาคำตัดสินให้ฟัง จากนั้นก็จะให้นักโทษเขียนพินัยต่างๆ แล้วก็ต่อโทรศัพท์ไปสั่งเสียญาติ และก็ให้รับประทานอาหารเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะรับฟังการเทศนา จากนั้นจะถูกนำตัวเข้าห้องประหาร โดยใช้ผ้าปิดตาพาเข้าห้องประหาร ซึ่งเท่าที่สังเกตุนักโทษทั้ง 2 คน ต่างก็รู้ชะตากรรมของตัวเอง และคงจะทำใจล่วงหน้าไว้แล้ว โดยไม่มีใครขอสิ่งใดหรือแสดงความฟุ้งซ่าน ทุกคนต่างอยู่ในอาการสงบพร้อมยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น

 "ขั้นตอนนี้ถือเป็นวาระสุดท้ายของนักโทษ อาตมาก็พยายามแสดงธรรมเตือนสติให้พวกเค้าตั้งสติให้มั่น อย่าได้ฟุ้งซ่าน หรืออาฆาตพยาบาทผู้ใด เพื่อวิญญานจะได้เดินทางไปสู่ที่สงบ เราก็ช่วยเค้าได้แค่นี้ พออาตมาเทศให้เค้าฟังจบก็มีนักโทษคนหนึ่งขอจับชายผ้าเหลืองอาตมาเป็นครั้งสุดท้าย ส่วนอีกคนก็มีอาการตาแดงและมีน้ำตาซึมออกมาซึ่งคงจะยอมรับผิดต่อเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น พูดจริงๆก็นึกสงสารพวกเค้า แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้นอกจากเตือนสติให้ตั้งมั่น อย่าฟุ้งซ่าน วิญญานจะได้เดินทางไปสู่ความสงบ " พระครูศรีนนทวัฒน์ กล่าวในที่สุด

 ทั้งนี้เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 สิงหาคม เรือนจำกลางบางขวางมีการประหารชีวิตนักโทษคดียาเสพติดรายสำคัญ 2 ราย คือ น.ช.บัณฑิต เจริญวานิช อายุ 45 ปี และ น.ช.จิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์ อายุ 52 ปี นักโทษคดียาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งถูกจับกุมพร้อมของกลางยาบ้ากว่า 1 แสนเม็ด เป็นการประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษในแดนประหาร ซึ่งการประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากประเทศไทยแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 16) พ.ศ.2546 มาตรา 19 เปลี่ยนการประหารชีวิตจากการยิงเป้ามาเป็นฉีดยาหรือสารพิษให้ตาย  

 สำหรับขั้นตอนก่อนประหารชีวิตในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษตกมายังกรมราชทัณฑ์ เรือนจำจะปกปิดเป็นความลับจนกว่าจะเก็บนักโทษทั้งหมดเข้าเรือนนอนในเวลา 15.30 น. จากนั้นเรือนจำจะเบิกตัวนักโทษที่ต้องรับโทษประหารชีวิตออกมา และแจ้งให้ทราบถึงผลฎีกาเพื่อให้เขียนพินัยกรรมสั่งเสียหรือให้โทรศัพท์สั่งเสียกับญาติพี่น้องก่อนประหารชีวิต 1 ชั่วโมง

 จากนั้นเรือนจำจะจัดอาหารมือสุดท้ายให้แก่นักโทษ และนิมนต์พระสงฆ์วัดบางแพรกใต้เข้ามาแสดงธรรม เมื่อถึงเวลาจะนำนักโทษประหารขึ้นรถและนำตัวเข้าสู่แดนประหาร ซึ่งก่อนเข้าสู่แดนประหารผู้คุมจะนำนักโทษเข้าสักการะศาลเจ้าพ่อเจตคุปต์และกราบไหว้ต้นโพธิ์ 3 ต้น หน้าแดนประหาร จากนั้นจะนำตัวนักโทษเข้าสู่ห้องฉีดสารพิษ และปิดตานักโทษด้วยผ้าดำ รวมทั้งให้นักโทษถือดอกไม้ธูปเทียนและหันหน้าไปทางวัดบางแพรกใต้ที่อยู่ติดกับแดนประหาร

 ส่วนขั้นตอนในแดนประหาร เรือนจำจะยังคงล่ามโซ่ตรวนไว้ และให้นักโทษนอนบนเตียงประหารชีวิต ซึ่งมีผ้าขาวสำหรับห่อศพวางรองอยู่ และทำการขึงแขนนักโทษให้ติดกับเตียงทั้งสองข้างในท่ากางแขน และนำเข็มฉีดยาปักไปที่ข้อมือทั้งสองข้าง และฉีดยาจำนวน 3 เข็ม เข็มที่ 1 คือยานอนหลับ เข็มที่ 2 เป็นยาคลายกล้ามเนื้อ และเข็มที่ 3 คือยาหยุดการเต้นของหัวใจ โดยขั้นตอนการฉีดยาประหารชีวิตจะใช้เวลาประมาณ 25 นาที

 จากนั้นแพทย์และคณะกรรมการ ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้แทนอัยการจังหวัด ผู้กำกับการสถานีตำรวจ ผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้แทนกรมราชทัณฑ์ จะตรวจสอบว่านักโทษประหารเสียชีวิตตามคำพิพากษา จากนั้นนำศพนักโทษบรรจุในโลงเย็น ซึ่งมีความเย็น -18 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ก่อนจะให้แพทย์ตรวจเป็นครั้งสุดท้าย และให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศลในวันรุ่งขึ้น

 ทั้งนี้นายบัณฑิต เจริญวานิช และนายจิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์ กับพวกอีก 3 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) จับกุมเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2544 พร้อมของกลางยาบ้า 114,219 เม็ด ต่อมาศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิตนายบัณฑิตและนายจิรวัฒน์ คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มีมติให้ยึดอายัดทรัพย์สินของนายบัณฑิตและนายจิรวัฒน์จำนวน 73 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 41,666,289 บาท 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ