
อัยการเกาหลีขอออกหมายจับทายาท"ซัมซุง"
ช็อกตระกูลร่ำรวยสุดแห่งเกาหลีใต้ ทายาทรุ่นสาม"ซัมซุง" จ่อกลายเป็นบิ๊กเนมคนแรกในแวดวงธุรกิจ ที่ถูกออกหมายจับคดีสินบนอื้อฉาว
16 ม.ค. อัยการเกาหลีใต้ยื่นเรื่องขอให้ศาลอนุมัติออกหมายจับ นายอี แจ ยอง รองประธานซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ในข้อหาติดสินบน ด้วยการมอบเงินแก่นางชเว ซุน ซิล เพื่อนสนิทประธานาธิบดีปัก กึน เฮ เพื่อแลกกับการเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจ ซึ่งศาลจะเปิดไต่สวนก่อนตัดสินว่าจะอนุมัติหมายจับตามที่อัยการร้องขอหรือไม่ในวันพุธนี้ ขณะราคาหุ้นซัมซุงตกทันที 3%
นายอี วัย 48 ปี ซึ่งเป็นประธานทางพฤตินัยของซัมซุง กรุ๊ป นับจากบิดา นายอี คุน ฮี ป่วยเข้าโรงพยาบาลเมื่อปี 2557 ถูกสอบปากคำมาราธอน 22 ชั่วโมง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลายเป็นผู้บริหารธุรกิจรายแรกในเกาหลีใต้ ที่อัยการขอออกหมายจับคดีทุจริตผ่านทางนางชเว ซุน ซิล เพื่อให้ทำเนียบประธานาธิบดีใช้อิทธิพลสนับสนุนการควบรวมกิจการบริษัทสองแห่งในเครือ "ซัมซุง ซีแอนด์ที" กับ "เชอิล อินดัสตรีส์" เมื่อปี 2558 อันเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมขึ้นรับช่วงบริหารซัมซุงต่อจากบิดา
อัยการพิเศษที่สอบสวนคดีนี้ กล่าวหาซัมซุง มอบเงินให้กับบริษัทในเยอรมนีที่นางชเวเป็นเจ้าของ โดยอ้างว่าเพื่อสนับสนุนการสร้างนักกีฬาขี่ม้า แต่แท้จริงนำไปใช้สนับสนุน ชอง ยู รา บุตรสาวของนางชเวซึ่งเป็นนักกีฬาขี่ม้าเพียงคนเดียว นอกจากนี้ ซัมซุงยังเป็นบริษัทที่บริจาคให้มูลนิธิสองแห่งที่เพื่อนสนิทประธานาธิบดีก่อตั้งขึ้นในปี 2558 และ 2559 มากที่สุดในบรรดา 58 บริษัท อัยการเชื่อว่าซัมซุงให้เงินก้อนใหญ่สนับสนุนนางชเว รวมทั้งสิ้น 4.3 หมื่นล้านวอน (ราว 1,200 ล้านบาท) เพื่อแลกกับการให้ทำเนียบประธานาธิบดีกดดันกองทุนบำนาญแห่งชาติ (เอ็นพีเอส ) อีกต่อหนึ่ง
เอ็นพีเอส เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในซัมซุง ซีแอนด์ที และเสียงโหวตสนับสนุนจากเอ็นพีเอส ช่วยให้การควบรวมกิจการสำเร็จเมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากนักลงทุนจำนวนมาก เพราะทำให้ราคาหุ้นของซัมซุง ซีแอนด์ที ต่ำกว่าความเป็นจริง แต่เอ็นพีเอส กลับสนับสนุนแม้ต้องขาดทุนหลายล้านดอลลาร์ ขณะช่วยให้ อี แจ ยอง เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในกลุ่มซัมซุง เอื้อต่อการถ่ายโอนอำนาจจากพ่อสู่ลูกได้อย่างราบรื่น
นอกจากข้อหาสินบน ทายาทซัมซุงยังถูกแจ้งข้อหายักยอก เพราะใช้เงินของบริษัทดำเนินการเหล่านี้ทั้งหมด และข้อหาเบิกความเท็จ จากการยืนยันว่าไม่ได้บริจาคเงินเพื่อแลกกับผลประโยชน์ ระหว่างเข้าให้ปากคำต่อรัฐสภาเมื่อไม่นานมานี้
โฆษกอัยการกล่าวว่า การจับกุมทายาทซัมซุงอาจมีผลกระทบอย่างสำคัญต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้ แต่เราเชื่อว่าการแสดงความยุติธรรมให้ปรากฏ มีความสำคัญยิ่งกว่า ทั้งนี้ซัมซุง เป็นกลุ่มธุรกิจใหญ่สุดของประเทศในแง่รายได้ ที่มีสัดส่วน 1 ใน 5 ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี )