"ลุงตู่"โชว์แม่ไม้มวยไทยกลางทำเนียบ

          14 ม.ค. -- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2560 ที่บริเวณลานสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี  นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกิจกรรม ขณะที่นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำคณะนักกีฬามาร่วมกิจกรรม อาทิ เมย์ รัชนก อินทนนท์ แบดมินตันทีมชาติไทย นักฟุตบอลทีมชาติไทย เช่น  นายสิโรจน์ ฉัตรทอง (ปีโป้) นายกวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นักวอลเลย์บอล เช่น นางสาวปิยะนุช แป้นน้อย นางสาวอัจฉราพร คงยศ มาร่วมงานด้วย นอกจากนั้น ยังได้นำเยาวชนมาร่วมแสดงโขนและศิลปะมวยไทย ให้นายกฯ และคณะรับชม    
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายกฯได้โชว์การชกมวยไทยร่วมกับครูฝึกมวยไทยจากโรงเรียนกีฬาจังหวัดอ่างทอง ซึ่งเรียกความสนใจจากพ่อแม่ผู้ปกครองและบุตรหลานที่มาร่วมงาน ต่างพยายามถ่ายภาพลีลาท่าทางของนายกฯ ก่อนที่นายกฯจะดินขึ้นไปยังตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อถ่ายภาพร่วมกับเด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ เด็กจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ เด็กที่มีความซื่อสัตย์และกตัญญู เด็กพิเศษหรือด้อยโอกาส จำนวน 20 คน

           ให้ความสำคัญการศึกษาเพื่อพัฒนาเด็กไทย ชี้ ต้องเพิ่มขีดความสามารถ คู่คุณธรรม จริยธรรม 

           จากนั้นที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวให้โอวาทแก่เด็กและเยาวชนที่มาร่วมกิจกรรมงานวันเด็ก ว่ายินดีที่ทุกคนมาร่วมงานวันนี้ วันเด็กเป็นวันแห่งอนาคต วันแห่งการเรียนรู้ เพื่อปลูกฝังความรักชาติ รัฐบาลอาจจะจัดกิจกรรมได้ไม่เต็มที่นัก แต่ก็ให้ความสำคัญกับเด็กเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชน ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ ไปสู่การเป็นไทยแลนด์ 4.0 เด็กไทยวันนี้จะต้องเรียนรู้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ พัฒนาตนเองและมีคุณธรรม จริยธรรมควบคู่กันไป ต้องรู้ผิดชอบชั่วดี สิ่งเหล่านี้จะทำให้ประเทศไทยของเราดีขึ้น ทุกคนต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ โดยเริ่มจากสถาบันครอบครัว ปลูกฝังให้เด็กให้เด็กมีคุณธรรม อยู่ในหลักศาสนาอย่างถูกต้อง

           "นายกฯ"ลั่นวันหน้า เด็กเรียนจบ ต้องมีงานทำ มีรายได้เพียงพอ ชี้ แม้ไม่ง่าย แต่จะแสวงหาความร่วมมือให้ได้บนความต่าง 

          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องการให้การศึกษาเป็นหัวใจในการพัฒนาประเทศไปอีก 20 ปีข้างหน้า เด็กในวันนี้เมื่อเรียนจบในวันข้างหน้า จะต้องมีงานทำ มีรายได้ที่เพียงพอ โดยรัฐบาลพยายามขับเคลื่อน แม้จะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายจนเกินไป โดยจะพยายามจะแสวงหาความร่วมมือให้ได้บนความแตกต่าง ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ถ้าเด็กไม่มีคุณภาพ จะเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีคุณภาพ ประเทศก็จะเป็นรัฐที่ล้มเหลว 
           "วันนี้อยากให้พวกเราทุกคนใช้เวลาที่ผมยังอยู่ทำความดีเพื่อแผ่น สนองพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยเราอยู่เสมอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ท่านยังคงอยู่กับพวกเราเสมอ อยู่ข้างบนและมองเราลงมาตลอดเวลา ขณะเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 ได้ทรงรับสั่งกับผมหลายครั้ง เรื่องการให้ความสำคัญกับเด็ก ทั้งการศึกษา การพัฒนาประเทศ และข้อสำคัญคือทรงรับสั่งว่า ขอให้พัฒนาเด็กให้มีวินัย คำว่าวินัยสำคัญที่สุด หมายถึงวินัยของคนในชาติ และพัฒนาความรู้ เรียนรู้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า  
       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนคาดหวังคือ เด็กทุกคนต้องเข้าสู่ระบบการศึกษา และเด็กต้องสนใจการศึกษาเล่าเรียนทั้งจากครู ตำรา โดยปีนี้จะเร่งพัฒนาการศึกษา โดยนำครูติวเตอร์ที่มีชื่อเสียงเข้ามาช่วยเสริมสร้างให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งต้องพัฒนาทั้งการสอน แบบเรียน ข้อสอบ การเขียนอ่าน และเด็กต้องรู้กฎหมาย เพราะกฎหมายทำให้สังคมสงบสุข มีความเท่าเทียม

           "บิ๊กตู่"ลั่นต้องการ ประเทศก้าวหน้า มีระเบียบวินัย สงบสุข ชี้ ทุกคนต้องร่วมมือแล้วความงดงามจะคืนกลับมา

            พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งใดก็ตามที่จะทำให้ประเทศชาติก้าวหน้า มีระเบียบวินัย และความสงบสุข เป็นสิ่งที่ตนและรัฐบาลต้องการ ทุกคนก็ต้องการด้วย เมื่อเช้าตนได้ไปเปิดงานวันเด็กที่สนามเสือป่า พบว่าคนมาร่วมกิจกรรมเยอะกว่าปีก่อนๆ นั่นแสดงว่าบ้านเมืองเรากำลังไปสู่ความสงบเรียบร้อย ที่ตนเคยบอกว่า ความงดงามจะคืนกลับมา ใช้เวลาอีกไม่นานนั้น ก็อยู่ที่คนไทยทุกคนที่มีส่วนพัฒนาประเทศ อาจจะสงบปีนี้หรือปีหน้าก็แล้วแต่ทุกคน เพราะทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนา อย่าปล่อยให้รัฐบาล ข้าราชการทำคนเดียวไม่ไหว อยู่ที่ความร่วมมือทุกคน สิ่งที่รัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อพวกเราทุกคน ไม่ใช่ทำเพื่อใครทั้งสิ้น เป็นการทำตามแนวทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ และแนวทางของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ เรามีการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นมาแล้ว เราจะนำสิ่งเหล่านี้มาเป็นกำลังและแรงใจ ผลักดันตัวเองให้เดินตามแนวทางพระองค์