
ผบช.น.สั่งเร่งคดีบุกศาลอาญาฉกทรัพย์
ไม่พบว่าเอกสารสำคัญทางคดีหายไป !! 'ศานิตย์' เชื่อคนร้ายบุกศาลอาญาประสงค์ต่อทรัพย์เท่านั้น
3 ม.ค. 60 จากกรณีเจ้าหน้าที่ศาลอาญารัชดา ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ว่า ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวน บุกเข้าไปในห้องศูนย์บริการประชาชน ชั้น 9 ของศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก และลงมืองัดแงะโต๊ะทำงาน โดยคนร้ายได้ทรัพย์สินเป็นสร้อยข้อมือทองคำ และเงินสด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกพยานมาสอบปากคำแล้วหลายปาก ทั้งเจ้าของทรัพย์สิน และผู้เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังให้ตำรวจประสานเจ้าหน้าที่ศาลในชั้นเกิดเหตุทุกคน เข้ามาพิมพ์ลายนิ้วมือที่ สน.พหลโยธิน เพื่อเทียบเคียงลายนิ้วมือที่พบในจุดเกิดเหตุงัดแงะลิ้นชักโต้ะทำงาน และจุดอื่นๆ ที่พบรอยนิ้วมือต้องสงสัย โดยจะต้องรอให้ถึงวันเปิดทำการตามปกติเสียก่อน
“เบื้องต้นพอจะทราบเบาะแสของผู้ก่อเหตุแล้ว น่าจะเป็นคนใกล้ชิดเจ้าของทรัพย์สิน และมีมากกว่า 1 คน คาดว่าภายใน 2 วันนี้น่าจะชัดเจน ว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ ส่วนประเด็นการก่อเหตุคงจะประสงค์ต่อทรัพย์ ไม่เกี่ยวข้องกับเอกสารทางคดีความ เนื่องจากตรวจสอบที่เกิดเหตุ ไม่พบว่าเอกสารสำคัญทางคดีหายไป และคอมพิวเตอร์ก็ไม่ถูกเปิดเข้าถึงการใช้งาน ขอยืนยันว่ามีเพียงสร้อยข้อมือ และเงินสด เท่านั้นที่หายไป” ผบช.น.กล่าว
พ.ต.อ.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รักษาการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ได้ประชุมชุดสืบสวน สน.พหลโยธิน และกองกำกับการนครบาล 2 เพื่อคลี่คลายคดี โดยได้มอบหมายให้ฝ่ายสืบสวน ประสานงานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ในการเก็บรอยนิ้วมือแฝง รอยรองเท้าในแต่ละชั้น และหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดรอบพื้นที่ของศาลอาญา รวมถึงการตรวจสอบคีย์การ์ดผ่านเข้าออกของเจ้าหน้าที่ ที่อ้างว่าทำหายไปด้วย แต่ทั้งนี้ คงต้องรอให้ศาลเปิดทำการก่อน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับชั้นที่ถูกลักทรัพย์ ได้เข้ามาตรวจสอบทรัพย์สินว่ายังมีของใครหายไปบ้าง ส่วนทรัพย์สินที่เป็นสร้อยคอทองคำ ได้ให้ฝ่ายสืบสวนไปติดตามจากโรงรับจำนำใกล้เคียงว่ามีใครนำไปจำนำไว้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่รีบเร่งดำเนินการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากก่อเหตุอุกอาจในสถานที่ราชการสำคัญ ซึ่งขณะนี้คงต้องให้เวลาชุดสืบสวนลงไปปฏิบัติงานเสียก่อน
ขณะที่ พ.ต.อ.ณรัช มูลศาสตรสาทร ผกก.สน.พหลโยธิน เปิดเผยว่า คดีนี้จะเป็นคนในหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถเจาะจงลงไปที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ ต้องตรวจสอบทุกกลุ่ม ทั้งคนในศาล หรือ คนที่เคยต้องโทษแล้วได้ออกมา รวมถึงคนที่เคยมีประวัติการถูกจับกุมที่อาศัยในซอยเสือใหญ่อุทิศ ทางเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบประวัติทั้งหมด และติดตามทรัพย์สิน ซึ่งส่วนมากเป็นของส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ คาดว่าคนร้ายอาจจะเอาไปขาย หรือนำไปจำนำก็เป็นได้ ทั้งนี้ คดีที่เกิดขึ้นทางผู้บังคับบัญชาได้เร่งรัดคดีให้จับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ คาดว่าจะได้เบาะแสเพิ่มเติมเร็วๆ นี้