
ศาลอินเดียห้ามใช้“ศาสนา-วรรณะ”หาเสียง
ศาลสูงอินเดียมีคำตัดสินห้ามนักการเมือง ใช้ศาสนาหรือวรรณะดึงคะแนน ถือเป็นพฤติกรรมทุจริตตามกฎหมายเลือกตั้ง
เมื่อวันจันทร์ที่ 2 มกราคม ที่ผ่านมา ผู้พิพากษาศาลสูงอินเดีย ลงมติด้วยคะแนน 4 ต่อ 3 ตัดสินว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่สามารถนำศาสนา เชื้อชาติ วรรณะ ชุมชน และภาษา มาใช้รณรงค์หาเสียง ภายใต้กฎหมายว่าด้วยผู้แทนของประชาชน เนื่องจากศาสนาไม่มีบทบาทใดในกระบวนการเลือกตั้งซึ่งเป็นกิจกรรมทางโลก การนำรัฐกับศาสนามาปนเปกันขัดรัฐธรรมนูญและเท่ากับเป็นการทุจริตตามกฎหมายเลือกตั้ง ผู้สมัครคนใดที่ฝ่าฝืน จะถูกห้ามลงชิงชัยหรือให้เป็นโมฆะหากชนะเลือกตั้่ง
ขณะผู้พิพากษาเสียงส่วนน้อยเห็นว่าประเด็นนี้ควรปล่อยให้รัฐสภาทำหน้าที่ตัดสิน
อินเดียเป็นประเทศโลกวิสัยอย่างเป็นทางการ แต่ในทางปฏิบัติ พรรคการเมืองส่วนใหญ่มักใช้ศาสนาและวรรณะเป็นเกณฑ์เลือกสรรผู้สมัครเพื่อเรียกคะแนนในเขตเลือกตั้ง รวมถึงพรรคชาตินิยมฮินดู ภารติยะชนตะ (บีเจพี) ของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ที่ถูกกล่าวหาว่า ใช้ความเป็นฮินดูชาตินิยมดึงคะแนนมาตลอด นอกจากนี้ สมาชิกหลายคนในพรรคถูกกล่าวหา ใช้ถ้อยคำต่อต้านมุสลิมเพื่อแบ่งขั้วเลือกข้าง
คำตัดสินของศาลสูง เป็นผลจากการพิจารณาคำร้องที่มีผู้ยื่นร้องไว้ตั้งแต่ปี 2539 และคำร้องใหม่จากนักเคลื่อนไหวอีกหลายรายที่ต้องการให้ศาลสูงสั่งตัดขาดศาสนาจากการเมือง
คำพิพากษาของศาลสูงมีความสำคัญมาก เนื่องจากมีขึ้นไม่กี่เดือนก่อนการเลือกตั้งรัฐอุตตรประเทศ รัฐที่มีประชากรมากที่สุดของอินเดีย และประเด็นหาเสียงส่วนใหญ่จะมุ่งที่การเป็นเครือวรรณะเดียวกัน กับเรื่องการสร้างวัดฮินดูในพื้นที่ที่เคยเป็นมัสยิดศตวรรษที่ 16 แต่ถูกฮินดูสายแข็งกร้าวทุบทำลาย ผลเลือกตั้งในรัฐนี้จะส่งผลถึงความพยายามรักษาเก้าอี้่สมัยที่สองของนายโมดีด้วยในปี 2562 นอกจากนี้ รัฐปัญจาบ อุตตราขัณฑ์ ฐกัว และมณีปุระ ก็จะมีการเลือกตั้งเช่นกัน
ประชากรอินเดีย 1,250 ล้านคน เป็นชาวฮินดูเกือบ 80% มุสลิม 14.2% อีก 6% ที่เหลือเป็นศาสนิกชนอื่นๆ เช่น คริสต์ พุทธ ซิกส์ และเชน