ข่าว

ธ.โลกชี้ช่องไทยปฏิรูปภาคบริการดันศก.

ธ.โลกชี้ช่องไทยปฏิรูปภาคบริการดันศก.

19 ธ.ค. 2559

ธนาคารโลกมองเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 3.1% ส่วนปีหน้าอยู่ที่ 3.2% ท่องเที่ยว-ลงทุนภาครัฐยังเป็นเครื่องจักรหลัก


               นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลกประจำประเทศไทย เปิดเผยถึงรายงานตามติดเศรษฐกิจไทย ว่า ธนาคารโลกคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโต 3.1% โดยปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยังเป็นการบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาครัฐ รวมทั้งการเติบโตของภาคท่องเที่ยว ส่วนไตรมาสที่ 4 กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและเลื่อนออกไปในช่วงการถวายความอาลัยหลังการ เสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อเดือนตุลาคมนั้นคาดว่าจะได้รับการ ชดเชยจากมาตรการลดหย่อนภาษีจากการซื้อสินค้าและบริการและท่องเที่ยวในประเทศในช่วงสิ้นปี

               ขณะที่ในปี 2560 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.2% จากแรงส่งของภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างเข้มแข็งในปี 2559 และภาคการเกษตรฟื้นตัวหลังผ่านสถานการณ์ภัยแล้งที่รุนแรงยาวนาน อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะกรณีที่สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) นโยบายการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ที่ยังไม่ชัดเจน รวมทั้งแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ปรับเร็วขึ้นยังกดดันการส่งออกของไทย แม้ว่าภาพรวมการส่งออกปี 2560 จะขยายตัวได้ 1% สูงกว่าปีนี้ที่อาจจะขยายตัวเพียง 0.5% ผลบวกจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐกลับมาขยายตัวก็ตาม

               “การที่จีดีพีของไทยขยายตัวเพียง 3% ต่อปีถือว่าโตต่ำกว่าศักยภาพ ซึ่งควรเติบโตได้ถึง 4% ดังนั้น จึงขอเสนอแนะให้รัฐบาลปฏิรูปภาคบริการให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันภาคบริการมีการจ้างงานสูงถึง 40% ของจำนวนแรงงานทั้งหมด แต่สร้างมูลค่าได้เพียง 50% ของจีดีพีหากเทียบกับภาคการผลิตที่มีสัดส่วนการจ้างงานเพียง 15% แต่สามารถสร้างมูลค่าได้ถึง 35% ของจีดีพี” นายเกียรติพงศ์กล่าว

               ดังนั้น ประเทศไทยควรปรับปรุงกฎหมายข้อบังคับต่างๆการออกใบอนุญาตเพื่อส่งเสริมให้มีการแข่งขันและเปิดกว้างให้ผู้เชี่ยวชาญสาขาบริการต่างๆจากต่างประเทศเข้ามาประกอบธุรกิจในไทยเกิดความร่วมมือด้านการค้ามากขึ้นซึ่งในประเทศที่พัฒนาแล้วภาคบริการจะมีสัดส่วนถึง70%ของจีดีพีหากประเทศไทยเริ่มทำการปรับปรุงภาคบริการในทันทีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวเฉลี่ยได้ถึง4-5%และมีโอกาสหลุดพ้นจากประเทศที่มีรายได้ปานกลาง

               ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% ต่อเนื่องในการประชุม กนง. รอบสุดท้ายของปี 2559 ในวันที่ 21 ธันวาคม 2559 และน่าจะส่งสัญญาณยืนดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เพื่อรอประเมินสถานการณ์หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า และเพื่อช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

               “มองว่า กนง. น่าจะยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ 1.50% ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เพื่อรอประเมินผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของเฟดต่อเศรษฐกิจไทยอีกระยะ นอกจากนี้ ยังมองว่า กนง.น่าจะรอติดตามแนวโน้มการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ หลังจากที่ได้รับแรงกระตุ้นเพิ่มเติมจากมาตรการของภาครัฐ”

               สำหรับทิศทางนโยบายการเงินของไทยในปี 2560 นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า กนง.น่าจะยังคงส่งสัญญาณรักษา Policy Space และดำเนินนโยบายการเงินเชิงผ่อนปรนต่อไป เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้า ยังคงมีความเปราะบาง ขณะที่เงินเฟ้อที่อาจจะขยับขึ้นในปีหน้าจะยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธปท. ซึ่งยังไม่น่าจะสร้างแรงกดดันต่อกนง. มากนัก และคาดว่า มีความเป็นไปได้ที่กนง. จะยืนอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% ตลอดทั้งปี 2560