
“รางจีด”สมุนไพรถอนพิษ-แก้เมาค้าง!
โดย – โต๊ะข่าวเกษตร
“รางจีด”เป็นพืชสมุนไพรมีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย มาเลเซีย อินเดีย ชอบขึ้นตามป่าละเมาะ ทุ่งหญ้า ด้วยสรรพคุณรสเย็นตามตำรายาไทยจึงใช้ปรุงเป็นยาเขียวถอนพิษไข้ แก้ผื่นคันจากอาการแพ้ แก้พิษเบื่อเมา และพิษทั้งปวง ฯลฯ สำหรับในหมู่นักเลงเหล้ารุ่นเก่า รู้ดีว่ารางจืดช่วยถอนพิษหรืออาการเมาค้าง ได้ผลชะงัดทีเดียว จนได้ฉายา “ราชาแห่งการถอนพิษ”
เป็นไม้เถาเลื้อย เนื้อแข็ง ในวงศ์ Acanthaceae ชื่อวิทยาศาสตร์ Thumbergia laurifolia Lindl. ชื่ออื่นๆ กำลังช้างเผือก ขอบชะนาง เครือเขาเขียว ฮางจืด
ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้าม รูปขอบขนานหรือรูปไข่ ปลายเรียวแหลมคล้ายใบย่านาง
ดอก สีม่วงอมฟ้า ออกเป็นช่อห้อยลงตามซอกใบ
ผล เป็นฝัก กลม ปลายเป็นจะงอยเมื่อออกผลจะแตกเป็น 2 แฉก ปัจจุบันนี้นิยมปลูกไว้ในบ้าน ให้ขึ้นตามรั้วหรือทำเป็นไม้กระถาง
ขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ชอบความชื้นปานกลาง แสงแดดเต็มวัน
ทั้งนี้ รางจืดมีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ แต่ที่พบในบ้านเรามี 3 สายพันธุ์ คือ ดอกสีม่วง สีขาว และดอกสีแดง แต่ที่นิยมนำมาใช้ทำยามากที่สุดคือ ดอกสีม่วง ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์ คือเถาสด ใบ และราก
สรรพคุณ : ตำรายาไทย : รางจืดรสจืดเย็น ใช้ปรุงเป็นยาเขียว ตำคั้นหรือเอารากฝนกับน้ำ หรือต้มเอาน้ำดื่มถอนพิษไข้ ถอนพิษผิดสำแดง แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ประจำเดือนไม่ปกติ แก้ปวดหู แก้ปอดบวม แก้เมาค้าง ถอนพิษสุรา ดับพิษร้อนทั้งปวง รักษาหอบหืดเรื้อรัง แก้ผื่นคันจากอาการแพ้ต่างๆ ปรุงเป็นยาแก้มะเร็ง หมอยาแผนไทยใช้เพื่อช่วยจับสารพิษในตับหรือล้างพิษในตับ อีกทั้ง พิษเบื่อเมาเนื่องจากเห็ดพิษ สารหนู หรือยาฆ่าแมลง
ประโยชน์ : ยอดอ่อน ดอกอ่อนกินได้ เป็นผักสด หรือแกง ต้มลวกจิ้มน้ำพริก ทั้งยังนิยมกินน้ำหวานจากดอกรางจืด โดนไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ
รูปแบบและวิธีการใช้ :-
1.กินครั้งละ 2-3 กรัม ชงกับน้ำร้อน 100-200 ซีซี วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร หรือเมื่อมีอาการ
2.นำใบรางจืดที่ไม่อ่อน หรือแก่เกินไป 5-7 ใบ โขลกให้ละเอียดผสมน้ำดื่ม น้ำซาวข้าว 250 ซีซี หรือคั้นน้ำรางจืด ดื่มครั้งละ 1 แก้ว (250 ซีซี) วันละ 1 ครั้ง หรือดื่มเมื่อมีอาการ
3.นำรากที่มีอายุ 1 ปี ขึ้นไป ขนาดรากเท่านิ้วก้อย ตัดความยาวเท่าที่มือจับ โขลก หรือฝนผสมกับน้ำสะอาด หรือน้ำซาวข้าว ดื่มครั้งละ 1 แก้ว (250 ซีซี) วันละ 1 ครั้ง หรือดื่มเมื่อมีอาการ
ข้อควรระวังในการใช้ :-
1.ควรระวังในการใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน เพราะอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
2.ไม่ควรใช้ร่วมกับยาชนิดอื่นเป็นเวลานาน เนื่องจากอาจขับสารเคมี หรือตัวยาในร่างกายออก
3.ถอนพิษ ยาฆ่าแมลง ยาพิษ สตริกนิน ฯลฯ ต้องใช้ยาเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงจะได้ผลดี ถ้าพิษยาซึมเข้าสู่ร่างกาย หรือทิ้งไว้ข้ามคืน จะได้ผลน้อยลง
แหล่งที่มา :- ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี,สำนักงานข้อมูลสมุนไพร (มหาวิทยาลัยมหิดล), เว็บไซต์โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี