
มีการศึกษาด้วยทุนส่วนพระองค์ "ในหลวงรัชกาลที่ 9"
ขอฝากเด็กด้วย ตัวท่านไม่ได้เสด็จฯ มา แต่ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ที่เป็นเหมือนไปรษณีย์ของพระองค์ท่านให้มาเยี่ยมเยียนทุกปี
ในขณะที่คณะครู-นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 รวม 750 คน เดินทางจาก อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ตั้งแต่ 10.00 น. ของวันที่ 27 พฤศจิกายน เดินทางมาถึงที่สนามหลวงก่อน 05.00 น. ในวันที่ 28 พฤศจิกายน และเข้าต่อแถวทันที
นางกนกลักษณ์ แปงมูล รองผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า นำนักเรียนชั้น ป.5-ม.6 มากราบพระบรมศพฯ ซึ่งประกอบด้วยชาวพื้นเมือง และชาวเขา 4 เผ่า ได้แก่ กะเหรี่ยงโปว์ กะเหรี่ยงสะกอร์ ละว้า และม้ง เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงจัดตั้งโรงเรียนแห่งนี้เมื่อปีพ.ศ.2537 เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีโรงเรียนให้เด็กๆ ได้เข้าศึกษา ทั้งนี้เพราะทรงมีพระราชปณิธานให้เด็กๆ มีความรู้ และสามารถเลี้ยงตัวเอง เมื่อจบไปก็สามารถประกอบอาชีพได้ ซึ่งที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 3 แห่ง ได้แก่ ร.ร.ราชประชานุเคราะห์ 21 อ.แม่ลาน้อย ร.ร.ราชประชานุเคราะห์ 22 อ.ปาย และร.ร.ราชประชานุเคราะห์ 34 อ.ปางมะผ้า
"แม้พระองค์ไม่เคยเสด็จฯ ไปยังโรงเรียน แต่ได้เสด็จฯ ไปยังอ.แม่ลาน้อย ทรงจัดตั้งโครงการหลวงบ้านดง ต.ห้วยห้อม ให้ชาวบ้านได้มีอาชีพด้วย ขณะเดียวกันท่านผู้อำนวยการขณะนั้นได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระองค์ทรงมีรับสั่งว่า "ขอฝากเด็กด้วย ตัวท่านไม่ได้เสด็จฯ มา แต่ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ที่เป็นเหมือนไปรษณีย์ของพระองค์ท่านให้มาเยี่ยมเยียนทุกปี" โดยพระองค์พระราชทานอุปกรณ์การเรียน ผ้าห่ม เมล็ดพืช พันธุ์สัตว์ อีกทั้งยังทรงกำชับทางมูลนิธิฯ เวลามาเยี่ยมให้เดินทางโดยรถยนต์ เพื่อจะได้เห็นว่าชาวบ้านอยู่กันอย่างไร และได้รู้จักถนนหนทาง เพื่อที่จะกลับไปถวายรายงานแด่พระองค์ได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้พระราชทานพระราชทรัพย์จำนวน 40,000 บาทต่อปี เพื่อเป็นทุนเมล็ดพันธุ์และพันธุ์สัตว์ให้นักเรียนได้หัดเลี้ยงเพื่อเป็นอาชีพในอนาคต และเมื่อสามปีที่แล้วได้พระราชทานของเล่นส่วนพระองค์มาให้เด็กๆ ด้วย" รองผู้อำนวยการกล่าวด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
ด้าน นางสาวพิมลวรรณ ทองสกุลศิริ ชาวเขาเผ่าปกากะญอ วัย 18 ปี นักเรียนชั้น ม.5 เผยว่า รู้สึกดีใจมากเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางมากราบสักการะพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ผ่านมาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเด็กชาวเขาจะมีโอกาสได้เดินทางมาถึงที่นี่ ตอนที่ได้เข้าไปกราบพระบรมศพฯ เบื้องหน้าพระบรมโกศ อธิษฐานบอกพระองค์ท่านว่าจะเป็นเด็กดี และจะทำตามคำสอนของพ่อ อย่างทุกวันนี้ก็นำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในชีวิตอยู่เสมอ ด้วยการใช้จ่ายอย่างประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย และอดออม
“หนูโชคดีที่ได้มาเรียนที่นี่ พระเจ้าอยู่หัวท่านพระราชทานทุกอย่างทั้งชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน รวมถึงอาหารด้วย และนอกจากการเรียนวิชาสามัญเช่นเดียวกับโรงเรียนทั่วๆ ไปแล้ว ที่โรงเรียนยังเน้นสอนวิชาชีพเพื่อให้เด็กๆ สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ ซึ่งมีให้เลือกหลายวิชา อาทิ ช่างปูน ช่างไม้ ทำอิฐบล็อค เป็นต้น อย่างตัวหนูเองเลือกเรียนวิชาคอมพิวเตอร์เพราะสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้ ส่วนในอนาคตมีความตั้งใจว่าอยากจะเป็นพยาบาลด้านสมุนไพร เพราะปัจจุบันสมุนไพรหายากขึ้น บางชนิดก็สูญพันธุ์ไป มีสารเคมีเข้ามาทดแทน จึงอยากจะศึกษาด้านนี้อย่างจริงจัง” นางสาวพิมลพรรณกล่าว
ขณะที่ นายสมเดช เดโชชลาลัย ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงสะกอร์ นักเรียนชั้น ม.6 เผยว่า เรียนที่ร.ร.ราชประชานุเคราะห์ 21 ตั้งแต่ชั้นป.1 เพราะแถวบ้านมีโรงเรียนแค่ชั้นอนุบาล อีกทั้งบ้านอยู่ไกลห่างจากโรงเรียนกว่า 60 กม. และต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 6 กม. รวมถึงฐานะทางบ้านยากจน พ่อแม่ไม่มีเงินส่งให้เรียน รุ่นพี่ที่เคยเรียนที่นี่เล่าให้ฟังว่าหากเรียนที่นี่ไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายใดๆ และเป็นโรงเรียนประจำซึ่งเราไม่ต้องเดินทางไปกลับ “เมื่อได้เข้ามาเรียนรู้สึกดีใจมาก ทั้งได้ความรู้ มีอาหารกิน เสื้อผ้า ฝึกอาชีพให้ได้ติดตัว เรียกว่าทุกอย่างที่ได้รับมาเป็นของพระองค์ท่านทุกอย่าง เรารู้สึกรักและเสียใจที่ต้องสูญเสียพระองค์ ทางมูลนิธิฯ เคยมาถามว่าในชีวิตนี้สิ่งที่อยากทำมากที่สุดคืออะไร ตอนนั้นตอบไปว่า อยากเข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่าน แต่ตอนนี้ท่านไม่อยู่แล้วจึงความตั้งใจจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ตั้งใจเรียน เป็นคนดีตอบแทนพระองค์ท่าน เพราะหากไม่มีพระองค์ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งๆ ที่เราเป็นเพียงคนชาวเขาอยู่ห่างไกลพระองค์ก็ทรงไม่ละเลย โดยอยากจะเข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ เพื่อจะได้ช่วยเหลือผู้คน” นายสมเดช กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ