ข่าว

"ฟักทอง"ป้องเบาหวาน-บำรุงหัวใจ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย - โต๊ะข่าวเกษตร

            "ฟักทอง" เป็นผักสวนครัวอีกชนิดที่มีประโยชน์มากจริงๆ แต่เพราะอยู่ใกล้ตัวเกินไป อาจทำให้หลายคนมองข้าม หรือมองเพียงด้านเดียวว่ามันเป็นแค่ผักที่ใช้ปรุงอาหารคาวหวานเท่านั้น เปล่าเลย! สรรพคุณของฟักทองมากมายกว่านั้นเยอะ ง่ายๆ คือเป็นยาทั้งต้น ไม่ว่าจะเป็นเครือหรือเถา ยอดอ่อน ผล เมล็ด ดอก ราก

             ทั้งนี้ มีรายงานทางการแพทย์พบว่า ฟักทองมีฤทธิ์ป้องกัน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคไต กระตุ้นการหลั่งของอินซูลินในร่างกาย ช่วยเสริมสมรรถภาพของตับไต เพิ่มการสร้างเซลล์ของตับไต และด้วยเป็นผักมีรสหวาน ฤทธิ์อุ่น จึงช่วยย่อยอาหาร ทำให้กระเพาะอุ่น บำรุงกำลัง ลดอาการอักเสบ แก้ปวด ที่สำคัญมีฤทธิ์ขับพยาธิด้วย

 

"ฟักทอง"ป้องเบาหวาน-บำรุงหัวใจ

 

           เป็นไม้เถาเลื้อย ในวงศ์  Cucurbitaceae มีชื่อเรียกต่างกันตามท้องถิ่น มะฟักแก้ว (เหนือ),มะน้ำแก้ว (เลย), น้ำเต้า (ใต้),หมักอื้อ (เลย-ปราจีนบุรี),หมากฟักเหลือง (ฉาน-แม่ฮ่องสอน),เหลืองเคล่า และหมักคี้ส่า

            ลำต้น เป็นเถาเลื้อยตามพื้นดิน เถามีขนาดใหญ่และยาวออกไป มีมือเกาะ มีขนปกคลุมลำต้น

            ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกตามลำต้น มีลักษณะเป็น 5 หยัก มีขนปกคลุมทั้งใบ

            ดอก ออกตามง่ามของใบและยอดของเถา เป็นดอกเดี่ยวคล้ายกระดิ่ง 5 แฉก สีเหลืองนวลหรือเหลืองทอง ดอกเพศเมียเมื่อบานเต็มที่จะเห็นผลเล็กๆอยู่ใต้ดอก

            ผล มีขนาดใหญ่ จะมีเปลือกแข็งสีเขียวแก่ หรือสีน้ำตาลแดงแล้วแต่สายพันธุ์ มีเนื้อเป็นสีเหลืองอยู่ด้านใน ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของวิตามินเอ

            ขยาพันธุ์ เพาะเมล็ด เติบโตเร็ว ชอบความชื้นและแสงแดดปานกลาง

 

"ฟักทอง"ป้องเบาหวาน-บำรุงหัวใจ


        สรรพคุณทางยา : ผลฟักทอง เนื้อสีเหลืองมีสารต้านอนุมูลอิสระ “เบต้าแคโรทีน” มีสรรพคุณ ป้องกันโรคผิวหนัง ป้องกันมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ โรคหัวใจ เบาหวาน ปวดเมื่อยข้อเข่า บั้นเอว หอบหืด
          เนื้อ ให้พลังงานต่ำ ไขมันน้อย คาร์โบไฮเดรตจะช่วยบำบัดแผลในกระเพาะและลำไส้ คนที่เป็นโรคกระเพาะกินฟักทองนึ่งจะช่วยบรรเทาการปวดท้องได้
          เมล็ด ลดอาการเกิดโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ,น้ำมันที่สกัดจากเมล็ด ดื่มบำรุงประสาท และในเมล็ดนำมาบดเป็นผงใช้ถ่ายพยาธิ
          ยอดอ่อน มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงช่วยบำรุงไต ตับ สายตา ป้องกันโรคเบาหวาน
          ดอก มีวิตามินเอ แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซี สร้างภูมิคุ้มกัน

        วิธีใช้ : - ฟักทอง ครึ่ง กก.นึ่ง ราดด้วยน้ำผึ้งกินวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ติดต่อกัน 5-7 วัน บรรเทาอาการหอบหืด
               - ต้มฟักทอง 250 กรัมกับน้ำสะอาด ดื่มกินเป็นน้ำแกง ช่วยรักษาเบาหวาน
               - ต้มดอกฟักทองกับตับหมู 120 กรัม กินรักษาโรคตาบอดกลางคืน

 

"ฟักทอง"ป้องเบาหวาน-บำรุงหัวใจ


               - นำเนื้อในเมล็ดฟักทอง 120 กรัม คั่วบดเป็นผงผสมน้ำอุ่นดื่มครั้งละ 30 กรัม เพิ่มน้ำนมสตรีหลังคลอด
               - กินเนื้อในเมล็ดฟักทองดิบปริมาณ 100 กรัม ติดต่อกัน 3 วันช่วยถ่ายพยาธิใส้เดือน
               - คั่วเมล็ดฟักทอง 150 กรัมให้สุก กินเนื้อในเพื่อขับพยาธิตัวตืด    
        ประโยชน์ทางอาหาร : ยอดอ่อน ใบอ่อน ดอกตูม ลวกจิ้มน้ำพริก ผัดน้ำมันหอย ใส่ในแกงหน่อไม้ แกงเลียง แกงเผ็ด ผัดใส่ไข่,ผลแก่ ทำขนมหวาน เช่น ฟักทองแกงบวช สังขยาฟักทอง ฟักทองเชื่อม,เมล็ด นำอบกะเทาะกินเนื้อข้างใน

 

"ฟักทอง"ป้องเบาหวาน-บำรุงหัวใจ

 

        ข้อแนะนำเพิ่มเติม : เลือกฟักทองพันธุ์ทีมีรสหวาน และมีเนื้อละเอียด จะมีสรรพคุณทางยามาก,ผู้ที่มีอาการแน่นท้อง และจุกเสียดท้องไม่ควรกิน,เมล็ดฟักทองคั่ว 1 ถ้วยตวงมีไขมัน 13 % ไม่เหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก,เจียวกระเทียมกับเต้าเจี้ยวแล้วผัดกับฟักทอง ลดแน่นท้องได้

        แหล่งที่มาข้อมูล : กรมแพทย์ทางเลือก และหนังสือ อาณาจักรพืชผัก สมุนไพรสร้างสมอง,วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ