
ล่าอีก1คนร้ายยิงตำรวจทางหลวงเสียชีวิต
ผู้การฯระนอง สั่งระดมกำลังไล่ล่าคนร้ายยิงตำรวจทางหลวงเสียชีวิต ที่หนีไปได้อีก 1 คน
(18ส.ค.) พล.ต.ต.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 00.30 น.วันนี้ ระหว่างการออกตรวจด่านสกัด เพื่อไล่ล่าคนร้ายที่สังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 17 ส.ค.2552 ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ตำรวจทางหลวงคือ ส.ต.อ.วินัย ชายแก้ว เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ พร้อมอาสาสมัครตำรวจทางหลวงนายจีระวัฒน์ ปัทเมฆ ส่วนคนร้ายซึ่งมี 3 คน เสียชีวิตที่เกิดเหตุ 1 คน และถูกจับกุมเวลาต่อมา 1 คน และอีก 1 คนกำลังเร่งไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด โดยได้สนธิร่วมกับกำลังทหาร ,อปพร.,กำนัน,ผญบ.ออกติดตามคนร้ายพร้อมตั้งจุดสกัดป้องการหลบหนีออกนอกพื้นที่
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวตนได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ไกรทอง จันทร์ทองใบ ผกก.สภ.สุขสำราญ จ.ระนอง ว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.ของวันที่ 17 ส.ค.2552 ได้เกิดเหตุคนร้าย ยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นตำรวจทางหลวงจังหวัดระนอง บริเวณพื้นที่ ม. 4 ต.กำพวน อ.สุขสำราญ จ.ระนอง ในเบื้องต้นทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย เจ้าหน้าที่อาสาสมัครเสียชีวิต 1 คน ส่วนคนร้ายเสียชีวิต 1 คน ซึ่งทันทีที่ได้รับรายงานตนได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น.
“ในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า คนร้ายที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุคือนายสุรินทร์ จิมเริง มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 112 ม.7 ต.พ่วงพรมดอน อ.เคียนซา จ.สุราษฏร์ธานี ได้ขับรถพร้อมเพื่อนอีก 2 คนทราบชื่อนายสายัณ เทพหมื่นไชย เป็นชาวบ้าน ม. 7 ต.นาคา อ.สุขสำราญ และนายดุ๊กดิ๊ก (ชื่อเล่น) เดินทางจากตัวเมืองระนอง มาตามเส้นทางถนนเพชรเกษม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้ตั้งจุดสกัดอยู่บริเวณ ม.4 บ้านท่ากล้วย อ.กะเปอร์ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 กม. ซึ่งทางเจ้าหน้าตำรวจที่ตั้งด่านสกัดมีทั้งหมด 2 นายคือดาบตำรวจอนุมาส ปัทเมฆ , ส.ต.อ.วินัย ชายแก้ว และผู้ช่วยตำรวจนายจีระวัฒน์ ปัทเมฆ ซึ่งเป็นน้องชายของด.ต.อนุมาส
โดยเจ้าหน้าที่ได้เรียกให้รถยนต์อีซูซุ ตอนครึ่ง รุ่นดีแม็ค หมายเลขทะเบียน บธ.4124 ชุมพร จอดเพื่อทำการตรวจ แต่ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวได้แสดงท่าทีพิรุธขับฝ่าด่านโดยไม่ยอมให้มีการตรวจค้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย พร้อมอาสาสมัคร เร่งขับรถติดตาม จนมาถึงจุดเกิดเหตุ โดยรถรถคนร้ายได้เลี้ยวเข้าซอยข้างทาง ซึ่งเป็นทางเปลี่ยว 2 ข้างทางเป็นบริเวณสวนยาง ระยะทางจากถนนเพชรเกษมประมาณ 1.5 กม. ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถไล่ทันรถคนร้าย พร้อมโบกให้หยุดรถ โดยทางส.ต.อ.วินัย ชายแก้ว และนายจีระวัฒน์ ปัทเมฆได้ลงไปเพื่อตรวจค้น”
แต่ปรากฏว่า เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อนายสุรินทร์ จิมเริง คนร้ายซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถได้ไขกระจกลงมา พร้อมส่องปืนขนาด .357 พร้อมลั่นไกใส่ ส.ต.อ.วินัย ทันที กระสุนเจาะเข้าหน้าอกข้าง ล้มหงายเสียชีวิตทันที ส่วนนายจีระวัฒน์ ซึ่งเห็นเหตุการณ์ได้พยายามกระโดดหลบ แต่ไม่ทันการณ์ นายสุรินทร์ ได้หันกระบอกปืนยิงเข้าใส่อีก 2 นัด กระสุนเข้าหน้าอกตัดอวัยวะสำคัญตายทันทีเช่นกัน จากนั้นด.ต.อนุมาส ซึ่งทำหน้าที่ขับรถ ซึ่งยังนั่งอยู่ในรถ ได้กระโดดหลบหลงข้างทาง เมื่อเห็นคนร้ายเร่งเครื่องรถ เพื่อที่จะหลบหนีจึงได้ลุกขึ้นพร้อมลั่นกระสุนตามหลัง 6 นัด ปรากฏว่ากระสุนถูกนายสุรินทร์ จิมเริง คนร้าย ซึ่งขับรถหนีไปได้จากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 ม.เสียชีวิตอยู่ภายในรถ โดยสภาพรถเสียหลักอยู่ข้างทาง ส่วนคนร้ายอีก 2 คน ได้เปิดประตูหลบหนีไปได้ ซึ่งต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ทางเจ้าหน้าตำรวจสามารถติดตามจับกุมนายสายัณ เทพหมื่นไชย ได้ที่บ้านไม่มีเลขที่ ม. 7 ต.นาคา อ.สุขสำราญ ซึ่งเตรียมที่จะหลบหนีออกนอกพื้นที่ ส่วนนายดุ๊กดิ๊ก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามจับกุมตัว จากการตรวจค้นรถของคนร้ายเบื้องต้นพบอาวุธที่ก่อเหตุคือปืน .357 ,ปืน .38 และปืนยาว .22 วางอยู่ในรถสภาพพร้อมใช้งานทั้งหมด ยกเว้นปืน .357 ที่ใช้ก่อเหตุไม่มีกระสุนเหลืออยู่ในรังเพลิง
พล.ต.ต.อนุรุต กล่าวอีกว่า ในเบื้องต้นทราบว่า คนร้ายคือนายสุรินทร์ รวมถึงพรรคพวกที่ก่อเหตุมีคดีอุกฉกรรจ์ติดตัวหลายคดี ทั้งขับรถชนคนตายที่อ.กะเปอร์ จ.ระนอง ฆ่าคนตาย ที่จ.สุราษฏร์ธานี และยาเสพติด ที่จ.สุราษฏร์ธานี ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ปรากฏชื่ออยู่ในบัญชีนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ในจ.ระนองที่ทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตาม ซึ่งทางตนได้มีคำสั่งแต่งตั้ง พ.ต.อ.อรรถพล เปล่งรัศมี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรระนอง ให้เข้ามาดูแลคดีนี้ด้วยตนเอง และเตรียมขยายผลและกวาดล้างครั้งใหญ่ขบวนการค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่จ.ระนองอีกครั้งหลังจากพบว่าขณะนี้มีแก๊งค้ายาเสพติดต่างพื้นที่เข้ามาเคลื่อนไหวในเขตพื้นที่จ.ระนองหลายกลุ่ม พร้อมสั่งกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ระมัดระวังมากขึ้นในการเข้าเข้าตรวจสอบหรือจับกุมคนร้าย ส่วนตำรวจผู้ตายที่เสียชีวิตซึ่งเป็นการเสียชีวิตในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ตนจะเสนอความดีความชอบให้กับนายตำรวจผู้นี้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับอาสาสมัครที่มีระเบียบการช่วยเหลือเช่นเดียวกัน